โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมได้มากกว่าวัยอื่น ๆ
สาเหตุ
โรคสมองเสื่อมส่วนใหญ่ ท่านจะเข้าใจว่าคือโรคอัลไซเมอร์ แต่ จริงแล้วนั้น คือโรคอัลไซเมอร์ เป็นสาเหตุที่ทําให้เกิดภาวะโรคสมอง เสื่อมส่วนหนึ่งเท่านั้น หากแต่ผู้สูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมบางครั้ง อาจจะไม่ได้เป็นโรคอัลไซเมอร์ก็ได้ แต่อาจจะมาจากสาเหตุอื่น ซึ่ง บุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ได้ ดังนี้
1. ผู้สูงอายุ เพราะว่าผู้สูงอายุบางครั้งก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้มีการบริหารสมองจึงทำให้เกิดโรคนี้ได้ง่ายกว่าวัยอื่น
2. เพศที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์มากที่สุด คือ เพศหญิง
3. ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อมนั้นอาจเกิดจากพันธุกรรม เพราะว่าผู้ป่วยที่เคยมีประวัติเกี่ยวกับครอบครัวว่าเคย เป็นโรคนี้ ในอัตราส่วน 30 ถึง 40 เปอร์เซ็น
สาเหตุที่ได้พบบ่อยมากมี 2 ชนิด ที่ผู้ป่วย อาจจะไม่ได้เกิดจากโรคอัลไซเมอร์
1. ชนิดไม่ทราบสาเหตุ อันนี้ผู้ป่วยก็เกิดสมองฝ่อขึ้นมาโดยที่ ไม่ทราบสาเหตุ (หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โรคอัลไซเมอร์)
2. เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง และทำให้หลอดเลือดแข็ง ตีบตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
ยังมีสาเหตุอีกมากมายที่ยังเกิดขึ้นได้ในทุกวัยอย่างเช่น
** อาจเกิดจากการติดเชื้อในสมอง เช่นการที่ได้รับเชื้อไวรัส ทำให้สมองเสื่อมได้
** ร่างกายของผู้ป่วยขาดวิตามิน เช่นวิตามินบี 1 หรือวิตามิน ปี12 ส่วนใหญ่ผู้ป่วยประเภทนี้เซลล์สมองจะทำงานไม่ได้ปกติ ผู้ที่ดูแล ผู้สูงอายุอาจจะให้ท่านกินอาหารประเภทตับ นม ผักใบเขียว ถั่วเหลือง และข้าวกล้อง เพราะอาหารที่ก ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ทำให้ ไปช่วยในการทำงานของเซลล์สมองให้ปกติดีขึ้น
ส่วนระยะความรุนแรงของสมองเสื่อมชนิด อัลไซเมอร์ แบ่งได้เป็น 3 ระยะ
ระยะแรก ผู้ป่วยมีอาการหลงลืมในเรื่องเพิ่งเกิดอย่างเช่น จำไม่ได้ว่าวางของที่ไหน ท่านที่คอยดูแลผู้สูงอายุควรให้ความสำคัญ กับท่านด้วยหรือคอยสอดส่องว่าท่านถืออะไรไปไว้ที่ไหน ผู้ป่วยโรคนี้ จะไม่มีสมาธิและไม่สามารถจดจ่อกับกิจกรรมต่างๆ ได้นาน แต่ผู้ป่วย จะความทรงจำเกี่ยวกับอดีตได้ดี สำหรับท่านที่ดูแลผู้สูงอายุอย่ามอง ข้ามเพราะนี่หมายถึงภาวะสมองเสื่อมระยะแรก สิ่งที่เกิดขึ้นท่านดูแล้ว มองข้ามไปว่าเป็นโรคของคนชราทั่วไปเพียงเพราะ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ยัง สามารถอยู่คนเดียวได้ สามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้โดยตัวเอง และมีความสามารถในการตัดสินใจได้ดีเท่านั้นเอง
ระยะปานกลาง เป็นระยะที่เริ่มมีความจำเสื่อมมากขึ้น มีความ สามารถในการเรียนรู้ได้น้อยลง มีความบกพร่องในเรื่องความเข้าใจ และกะระยะทางจากการมอง และการใช้ภาษาผิดเพี้ยนไปจากเดิม สําหรับท่านที่ดูแลผู้ป่วยระยะนี้ท่านต้องช่วยดูแลผู้ป่วยในเรื่อง กิจกรรมต่างๆ อย่างเช่น ดูแลเรื่องเกี่ยวกับการกินอาหารและยา และ ผู้ป่วยโรคนี้จะไม่สามารถจำได้ว่าตนกินหรือยัง และจะกินซ้ำๆ ผู้สูง อายุที่เป็นโรคนี้จะมีอาการพูดซ้ำๆ สับสน กระสับกระส่าย หรือถึง ชั้นประสาทหลอนได้ เพราะฉะนั้นเราเป็นผู้ดูแลท่านอย่าปล่อยให้ท่าน อยู่เพียงลำพังเพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ และที่สำคัญเราต้องให้ กำลังใจท่านอย่าง อย่าว่าในสิ่งที่ท่านทำผิด เพราะจะทำให้สภาพจิตใจ ของท่านแย่ลงทันที
ระยะรุนแรง เป็นระยะที่รุนแรง ผู้สูงอายุที่เป็นโรคนี้จะจำสิ่งที่ เกิดขึ้นไม่ได้เลย สำหรับคุณที่ดูแลผู้สูงอายุ คุณต้องอยู่กับท่านอย่างใกล้ เพราะท่านไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ คุณต้องคอยอาบน้ำให้ท่าน ล้างหน้าให้ท่าน ป้อนข้าว และพาท่านไปเข้าห้องน้ำ สวมเสื้อผ้าให้ ท่าน อาการที่ท่านเป็นที่เริ่มจาก มีการเคลื่อนไหวช้าลงมากและไม่ สามารถกลั้นปัสสาวะได้ และส่วนมากท่านจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือ ไม่พูดเลย
วิธีการดูแลผู้สูงอายุในภาวะสมองเสื่อม
อันดับแรกคุณควรเข้าใจผู้ป่วย ถึงแม้ว่าท่านจะมีความจำและ สติปัญญาไม่เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ท่านมีอยู่ก็คืออารมณ์และความรู้สึก เหมือนกับเรานั่นเอง ผู้สูงอายุยังคงมีความรู้สึกเสียใจ น้อยใจ ดีใจ กังวลใจ อับอาย และเศร้า ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือการสื่อสารกับท่าน เราควรแสดงออกไม่ว่าจะเป็นทางกายหรืออารมณ์ต่อหน้าท่าน ในทาง ที่ดี เราควรเข้าใจท่านและให้ความสำคัญกับท่าน เพื่อประคับประคอง อาการของท่าน ถึงแม้ว่ายังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ โดยเฉพาะผู้ สูงอายุที่อยู่ในระยะรุนแรง แต่เราสามารถที่จะชะลอให้สมองของท่าน เสื่อมช้าลงได้ดังนี้
การลืมรับประทานยา
ส่วนมากผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะจำไม่ได้ว่า ทานยาไปแล้วหรือยัง จึงทำให้ทานยาเกินขนาดที่แพทย์สั่ง และอาจ ทำให้เกิดอันตรายได้ สำหรับเราที่ดูแลผู้สูงอายุที่มีโรคสมองเสื่อมใน ระยะแรก อาจทำให้ผู้สูงอายุไม่ค่อยพอใจเท่าที่ควรหากเราไปจัดยา ให้ท่าน ในกรณีนี้เราอาจจะดูแลแค่เตือนท่านว่า ท่านทานยาหรือยัง แต่ถ้าในกรณีที่ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมระยะรุนแรงแล้วเราควร จัดยาให้ท่าน
เราต้องหาอุปกรณ์การจ่ายยาสำหรับกินก่อนอาหารหรือหลัง อาหารรวมไปถึงจำนวนวันอาจจะจัด 1 วันหรือ 3 วัน เราควรดูยาที่ เหลือและกากบาทปฏิทินในแต่ละวันหลังทานยาเรียบร้อยแล้ว
การสูญเสียความจํา
การสูญเสียความทรงจําเป็นอาการแรก ๆ ของผู้สูงอายุที่เห็นได้ ชัดเจน ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะไม่สามารถจำเรื่องราวต่างๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ จึงทำให้ท่านมีอาการบ่นพึมพำว่าไม่มีใครสนใจ เพราะ ลืมในสิ่งที่ได้เห็นและได้พูดไว้ จําไม่ได้ว่าตนเองได้ทำอะไรไปบ้าง ขึ้น อยู่กับอาการว่าท่านอยู่ในระยะใด หากแต่ท่านอยู่ในระยะรุนแรง ท่าน อาจจะไม่สามารถจะจําชื่อของเราได้ จำไม่ได้ว่าเราเป็นใคร และรับ ประทานอาหารหรือยัง แต่ถ้าผู้สูงอายุที่มีโรคสมองเสื่อมในระยะปาน กลาง จะจำได้ว่ารับประทานข้าวแล้ว แต่ท่านจะจำไม่ได้ว่าทานอะไร เป็นอาหารมื้อเช้า
สำหรับเราผู้ดูแล ก็ควรหาปฏิทินขนาดใหญ่ติดไว้ในที่ผู้สูงอายุ มองเห็นชัดเจน แล้วให้ผู้สูงอายุกากบาททับตัวเลขวันที่ของแต่ละ วันที่ผ่านไป หรือถ้าท่านลืม เราต้องคอยบอกท่านให้ท่านกากบาทด้วย ตัวของท่านเอง เพื่อที่ท่านจะได้จดจำว่า วันนี้เป็นวันที่เท่าไร เดือน อะไร และปีอะไร และแนะนำให้ท่านจดบันทึกในแต่ละวันว่าวันนี้ได้ ทำอะไรไปบ้างตั้งแต่เช้า เพื่อช่วยให้ท่านฝึกสมองไปในตัวอีกด้วย
การหลงทาง
การหลงทาง สำหรับผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะเกิดขึ้นใน ระยะปานกลางได้อย่างเช่น จำทางไปห้องน้ำไม่ได้ หรือเดินออกจาก บ้านไปแล้วหาทางกลับบ้านไม่ถูก สำหรับเราที่ดูแลท่านผู้สูงอายุควร ทําเครื่องหมายภายในบ้าน หรือทำสัญลักษณ์บอกทิศทางเกี่ยวกับห้อง ครัว ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องส้วม สนามหญ้า
สำหรับภายในบ้านนั้นเราควรมีป้ายติดไว้ที่หน้าห้องส้วม ห้อง นอน แล้วทำลูกศรใหญ่ให้ท่านเห็น หรือทำสัญญาลักษณ์ที่บันได และ มีราวจับให้แน่นหนาทั้งสองข้าง มีแสงสว่างให้เพียงพอ รวมไปถึงไฟ ในห้องน้ำ ส่วนในห้องน้ำต้องแห้ง และต้องมีราวสำหรับเกาะเพื่อ ป้องกันท่านลื่นล้ม
ส่วนในกรณีที่ผู้สูงอายุออกไปเที่ยวนอกบ้าน ควรมีบัตรประจำ ตัวประชาชนติดไว้ในกระเป๋าเสื้อ หรือเขียนในกระดาษว่า ชื่อ - นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ เพื่อให้ผู้ที่พบเจอสามารถติดต่อกับ คนที่บ้านให้มารับ กรณีที่ท่านกลับบ้านไม่ได้
การสื่อสาร
การสื่อสารเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะ สูญเสียทักษะในการสื่อสาร เริ่มจากลืมชื่อสถานที่ ชื่อคน จนไปถึงไม่ สามารถเข้าใจคำพูดของเราได้ หรือท่านจะพูดแต่เรื่องที่ตนจำได้ กันไปมาอยู่อย่างนั้น ผู้ดูแลอย่างเราต้องทําความเข้าใจ เห็นใจท่าน อย่าท่าน เพราะถ้าท่านแสดงกิริยาที่ไม่ดีแล้วจะทำให้ผู้สูงอายุที่เป็น โรคสมองเสื่อม ตอบสนองโดยอาการโศกเศร้าและร้องไห้
อันดับแรกเราต้องตรวจสอบก่อนว่าผู้สูงอายุที่เราดูแลท่านอยู่ สามารถได้ยินหรือไม่ เพราะอาจมีปัญหาหูตึงก็ได้ เราควรพาท่านไป ตรวจสอบการได้ยิน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านไม่ได้หูตึง หลังจากนั้นท่าน ควรพูดให้ชัดเจนและใช้ภาษาง่ายๆ ให้เวลาท่านทำความเข้าใจกับสิ่ง ที่เราพูด หรือเราควรใช้ภาษากายแสดงท่าทางประกอบการสื่อสาร เช่นยิ้มเพื่อให้กำลังใจ จับมือ แต่ในกรณีที่เป็นผู้สูงอายุเป็นโรคสมอง เสื่อมระยะรุนแรง อาจจะลืมว่าเราเป็นใครชื่ออะไร ประการแรกเรา ต้องบอกชื่อท่าน ช้าๆ ชัดๆ หลายครั้งเพื่อให้ท่านมั่นใจและเข้าใจว่า เราเป็นใคร และเมื่อผู้สูงอายุได้ทำกิจกรรมใดเสร็จแล้วเราก็ชมเชย และให้กำลังใจท่าน เพื่อให้ท่านมีกำลังใจในการดำรงชีวิตต่อไปอย่างมี คุณค่า และรู้สึกว่าตนเองไม่ได้เป็นภาระแต่อย่างใด
การรับรู้บกพร่อง สับสนหลงลืม
บางครั้งผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมอาจสับสน หลงลืมเกี่ยว กับเวลาและสถานที่ได้ หรือไม่สามารถแยกระหว่างกลางวันและกลาง คืน เราควรทำกระดานบอกเวลากลางวันหรือกลางคืน หรือตั้งนาฬิกา ปลุกว่าเป็นเวลาเช้าแล้ว เพื่อให้ท่านเข้าใจว่าเวลาไหนเป็นเวลากลาง วันหรือกลางคืน
การสูญเสียทักษะ
การสูญเสียทักษะผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะสูญเสียทักษะ ในด้านกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเช่น เคยเป็นแม่ครัว แต่ปัจจุบันปรุงอาหาร ผิดเพี้ยนไป ลืมปิดเตาแก๊ส อาจได้รับอันตรายได้ ผู้สูงอายุที่เป็นโรค สมองเสื่อมระยะรุนแรงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองแม้กระทั่งดื่มน้ำ อาบน้ำ
แต่เราควรช่วยสนับสนุนท่านที่เป็นโรคสมองเสื่อมให้ท่าน สามารถรักษาทักษะที่มีอยู่คือให้ท่านทำกิจวัตรประจำจนเคยชิน อย่าง เช่น ล้างจาน ถอนหญ้า ปลูกต้นไม้ และเลี้ยงสัตว์ หรือไม่ก็โทรมา หาท่านในยามที่เรามีงานด่วนอยู่ต่างจังหวัด เราก็ต้องคอยโทรเตือน ท่าน และให้ท่านทวนข้อความดังกล่าวอีกด้วยและเราก็จัดเตรียมสมุด เบอร์โทรทุกคน สมาชิกในครอบครัว เบอร์ฉุกเฉิน รพสถานีดับเพลิง สถานีตำรวจ และเบอร์เพื่อนๆ ที่ท่านรู้จักไว้ สำหรับท่านจะได้ โทรศัพท์ไปหาได้ทันที
การมีส่วนร่วมในกิจกรรม
ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมควรได้รับกำลังใจที่จะมีส่วนร่วม ในกิจกรรมของครอบครัว เราควรส่งเสริมให้ท่านมีงานอดิเรก อย่าง เช่น สะสมแสตมป์ สะสมพระเครื่อง สะสมเหรียญเก่า เข้าชมรมผู้สูงอายุ
ถ้าเป็นผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมในระยะปานกลาง เราควร ให้ท่านเข้ากับกิจกรรมครอบครัวอย่างเช่น การดูโทรทัศน์ คอยดูแล ให้ท่านคอยติดตามรายการ หรือควรกระตุ้นให้ทำงานอดิเรกอย่างเช่น ฟังเทปหรือวิทยุธรรมะ และเมื่อฟังแล้วก็ให้นำเรื่องที่ได้ยินกลับนำมา เล่าให้พวกเราอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ท่านรู้สึกมีความสุขและรู้สึกว่าตนเอง มีคุณค่าภายในครอบครัว ช่วยลดความตึงเครียดภายในบ้านได้ หรือ ถึงวันสำคัญ ท่านก็พาท่านไปเที่ยววัดบ้าง หรือนำของขวัญให้ท่านเมื่อ ถึงวันเกิดท่าน หรือขอพรท่านในวันสำคัญต่างๆ อย่างเช่นวันขึ้นปีใหม่
พฤติกรรมผิดปกติ
ส่วนมากแล้วผู้สูงอายุจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หากแต่ไม่ใช่โรคสมองเสื่อมเท่านั้น แต่เป็นกันเกือบทุกคน อย่างเช่น เดินเรื่อยเปื่อยออกไปนอกบ้าน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ พฤติกรรมก้าวร้าว และเปลื้องผ้า จากพฤติกรรมดังกล่าวเนื่องมาจากการสื่อสารผิด และ เราไม่คอยห้ามปรามท่านเมื่อท่านทำไม่ถูกต้อง
กรณีนี้ เราต้องช่วยให้ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมมีพฤติกรรม ดังกล่าวให้น้อยลง เราควรทำความเข้าใจกับท่านเพราะนี่คือ สิ่งที่สำคัญสาเหตุของปัญหาเหล่านี้ บางครั้งผู้สูงอายุอาจจะเกรงใจ เรา หรือไม่กล้าที่จะบอกเพราะอาย
เมื่อผู้สูงอายุเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าว อาจเป็นเพราะว่าผู้สูงอายุ เกิดการหวาดระแวง อาจรู้สึกหงุดหงิด ถ้าหาอะไรไม่พบ เราควรดูแล เรื่องเกี่ยวกับสิ่งของต้องวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เราควรอธิบาย ให้ผู้สูงให้เข้าใจและอย่างช้าๆ เช่นผู้สูงอายุโวยวายขณะที่เราพาท่าน ออกนอกบ้านเพื่อไปหาหมอ แต่ท่านไม่ยอม เราต้องอธิบายว่าไป ตรวจเฉย ไม่ได้ฉีดยา ไม่เจ็บหรอก
เมื่อผู้สูงอายุเริ่มเดินเรื่อยเปื่อยออกนอกบ้าน อาจเกิดขึ้นได้เป็น เพราะว่าผู้สูงอายุคิดถึงกิจกรรมที่เคยทำในอดีตเป็นประจำ อย่างเช่น ไปจ่ายตลาด ไปคุยกับเพื่อนบ้านตามเวลาที่เคยไป หรือมองหาเพื่อน ที่เคยอยู่แต่ย้ายออกไปแล้ว ถ้าเป็นไปได้เราควรมีสวนประตูรั้วให้ มิดชิดเพื่อให้ท่านอยู่ในบ้านอย่างปลอดภัย หรือเราพาท่านไปสวนสุข ภาพใกล้ๆ บ้าน พาท่านไปออกกำลังกายในกรณีที่ท่านมีร่างกายแข็งแรง
เมื่อผู้สูงอายุกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ สิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือป้าย หน้าห้องน้ำและมีไฟด้วย เราควรให้ท่านดื่มน้ำให้ 6-8 แก้วต่อวัน จึง ทำให้ท่านไม่เกิดภาวะขาดน้ำ เราควรเตือนท่านให้เข้าห้องน้ำเป็นเวลา หรือถ้ามีการปัสสาวะบ่อยอาจมีการติดเชื้อได้ ยิ่งถ้ามีอาการหนาวสั่น แล้วต้องรีบพบแพทย์ทันที
ปัญหาของผู้ดูแล
การที่เราดูแลพ่อและแม่หรือคู่สามีภรรยาที่เป็นโรคสมองเสื่อม อาจเป็นภาระของครอบครัว เราในฐานะผู้ดูแลต้องการกำลังใจเช่น กัน บางครั้งอาจจะเครียดเพราะมีภาระรับผิดชอบอื่นๆ เช่น ลูก หลาน ทำให้เหนื่อยมากยิ่งขึ้น หากถูกรบกวนในเวลากลางคืน ก็ทำให้ความ เป็นส่วนตัวน้อยลงไป การไปติดต่อสื่อสารกับผู้คนรอบข้างก็น้อยลง
สิ่งที่เราต้องรับรู้คือ เราควรทำความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคสมอง เสื่อมคืออะไร เพื่อที่เราจะได้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในผู้ สูงอายุ ควรพยายามอ่านเอกสารให้เข้าใจเกี่ยวกับสมองเสื่อม เรา ต้องพักผ่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หาเวลาออกไปนอกบ้านบ้าง หรือหาจ้างคนมาแบ่งเบาภาระช่วงเวลาหนึ่ง
บางครั้งเราอาจจะมีอารมณ์ที่ไม่พอใจอาจเกิดขึ้นได้ แต่เราไม่ ควรไปใส่อารมณ์กับท่าน เพราะถ้าท่านได้ยินแล้วก็ทำให้เรารู้สึกผิด ในภายหลังการที่ได้รับกำลังใจโดยที่ไปปรึกษาแพทย์ หรือเป็นผู้ดูแล เหมือนกันอาจมีการแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน อาจทำให้มีคำ แนะนำที่เหมาะสมที่จะทำให้แก้ไขปัญหาได้ในที่สุด