กาแฟอาราบิก้า (Arabica)อาราบิก้า Arabica คือ พันธุ์กาแฟที่ถูกค้นพบและมีการปลูกมาอย่างเก่าแก่มากๆ ลักษณะของเมล็ดจะเป็นเมล็ดที่ค่อนข้างเรียวและส่วนผ่าตรงกลางนั้นจะเป็นเหมือนรูปตัว S ในภาษาอังกฤษ พื้นที่ที่ใช้ปลูกอราบิก้าให้ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพควรจะเป็นที่สูง อากาศเย็น เพราะสายพันธุ์นี้เขาชอบและจะเจริญเติบโตได้ดี จึงจำเป็นต้องปลูกบนพื้นที่ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากระดับของน้ำทะเลประมาณ 800 – 1,000 เมตร หรือให้ดีเลยก็ 1,000 เมตร ขึ้นไป จึงเป็นเหตุให้เราสามารถพบการปลูกอราบิก้ามากที่สุดในแถบจังหวัดภาคเหนือของไทย เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง เป็นต้น และด้วยเอกลักษณ์ของกลิ่นที่หอมอย่างพอดี พร้อมกับรสชาติที่ออกไปทางกลมกล่อมนุ่มนวล อีกทั้งยังมีปริมาณของคาเฟอีนที่ต่ำมากไม่ถึง 2% นี่เอง ที่ส่งผลให้สายพันธุ์กาแฟอราบิก้าเป็นที่นิยมและขายได้มากที่สุดในโลก เฉลี่ยถึง 80%
ต้นกาแฟอาราบิก้า เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา บริเวณประเทศเอธิโอเปีย แต่ชาวอาหรับเป็นชาติแรกที่นำกาแฟมาชงดื่ม จึงทำให้ชื่อภาษาละตินของกาแฟใช้คำว่า “อาราบิก้า” (arabica) ที่หมายถึงชาวอาหรับ โดยต้นกาแฟจัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ที่มีความสูงของต้นประมาณ 2-4 เมตร ในปัจจุบันเพาะปลูกกันมากในเขตร้อนชื้นและกึ่งเย็น
ใบกาแฟอาราบิก้า ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบแหลมเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-12 เซนติเมตร และยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร แผ่นใบเรียบเป็นมัน บางครั้งเป็นคลื่น มีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบ
ดอกกาแฟอาราบิก้า ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบดอกเป็นสีขาว ติดกันเป็นหลอด ดอกมีกลิ่นหอม
ผลกาแฟอาราบิก้า ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่แกมรูปทรงกลม โดยผลอ่อนจะเป็นสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
จุดเด่นของกาแฟอาราบิก้า คือ มีกลิ่นหอมและสารกาแฟสูง ทำให้เมื่อดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงความกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา โดยกาแฟชนิดนี้จะมีปริมาณของกาเฟอีนต่ำ เป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง มีความหอมไม่เป็นรองใคร เพียงแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เนื่องจากขาดการส่งเสริมและการประชาสัมพันธ์ที่ดี ในประเทศไทยมีการปลูกกาแฟชนิดนี้กันมากทางภาคเหนือบนดอยสูง
กาแฟอาราบิก้ามีสรรพคุณที่ดีกับสุขภาพอย่างไร
กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้านั้นไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่ช่วยให้ร่างกายตื่นตัวอย่างเดียวเท่านั้น แต่กาแฟสายพันธุ์นี้ยังมีส่วนช่วยสำคัญในการดูแลสุขภาพและระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้ ดังนี้
- มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ มีผลวิจัยพบว่า การดื่มกาแฟอาราบิก้าและโรบัสต้ามีส่วนช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน GSCF ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้
- ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็ง จากการศึกษาและวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า การดื่มกาแฟอาราบิก้าและสายพันธุ์อื่น ๆ วันละ 2 – 5 แก้วช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้หลายประเภท อาทิ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยคาเฟอีนในกาแฟนั้นมีส่วนช่วยสำคัญในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย อีกทั้งยังช่วยยับยั้งเซลล์ที่ผิดปกติได้อีกด้วย
- ช่วยให้ไขมันแตกตัวได้ และลดคลอเรสเตอรอลได้ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟอาราบิก้าแบบสำเร็จรูปหรือชงกับเมล็ดสด การดื่มกาแฟสายพันธุ์นี้จะมีส่วนช่วยเพิ่มไขมันดี หรือ HDL ในร่างกาย ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการหลั่งกรดของกระเพาะและตับอ่อน ทำให้ไขมันแตกตัวได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยลดโอกาสการเป็นโรคเกาต์ได้ กาแฟอาราบิก้ายังมีสรรพคุณที่มีส่วนช่วยในการลดโอกาสการเป็นโรคเกาต์ได้ เนื่องจากคาเฟอีนสามารถช่วยลดการอักเสบของข้อต่าง ๆ ที่มาจากภาวะกรดยูริกสูงเกิน
