โรคมะเร็งโพรงหลังจมูก
มะเร็งโพรงหลังจมูก เป็นโรคมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อยนัก ส่วน ใหญ่พบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และพบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคมะเร็งโพรงหลังจมูกส่วนมากจะไม่ค่อยแสดงอาการ ออกมา จึงไม่สามารถที่จะทราบได้ล่วงหน้า และเมื่อตรวจพบก็จะ ทําให้การรักษาเป็นไปได้ยาก
สาเหตุของโรคมะเร็งโพรงหลังจมูก
- ญาติ พี่น้อง หรือบุคคลในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นมะเร็งชนิดนี้มาก่อน
- การสูบบุหรี่เป็นประจำ รวมทั้งซิการ์ หรือยาเส้นด้วย
- สัมผัสหรือสูดดมสารเคมีเป็นประจำ อาจจะเป็นในสถานที่ ทำงาน เช่น สถานที่ทำงานที่มีฝุ่นเยอะ โรงงานผลิตกาว ก๊าซไร้กลิ่นที่ ใช้ทำน้ำยาฆ่าเชื้อ และสารกันบูด สถานที่ก่อสร้าง โรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งบ้าน
- การรับประทานอาหารที่มีสารไนโตรซามีน (Nitrosamine) เป็นประจำ เนื้อสัตว์หมัก อาหารผสมดินประสิว
การติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า อีบีไวรัส
อาการและสัญญาณอันตราย
- พูดไม่ชัด หรือกลืนอาหารได้ไม่คล่อง
- ประสาทในการรับรู้กลิ่นผิดปกติ
- โพรงในกะโหลกศีรษะเกิดอาการบวม และ/หรือสายตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด
- เลือดออกในจมูก หรือมีก้อนบวมที่ลำคอ หายใจไม่สะดวก
- อาจมีอาการหูตึงหรือหูหนวกอย่างใดอย่างหนึ่ง เจ็บหู รู้สึกมีเสียงดังอยู่ในหูตลอดเวลา และกล้ามเนื้อส่วนใบหน้าอ่อนล้าไม่มีแรง
วิธีการป้องกันและวินิจฉัย
หากจมูกมีสีคล้ำกว่าปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อจะได้ทำการตรวจเช็กว่าท่านเป็นมะเร็งโพรงหลังจมูกหรือไม่
ควรระวังและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะโลหิตจาง และภาวะขาดสารอาหาร เพราะจะนำไปสู่การเป็นมะเร็งโพรงหลังจมูกได้
วิธีการดูแลรักษาด้วยหลักธรรมชาติบำบัด
1. รับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ เพราะในผักและผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยป้องกันเชื้อไวรัสอันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งโพรงหลังจมูก และยังช่วยลดอาการของโรคได้อีกด้วย
2. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกอาหารที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้สดให้มาก อย่างน้อย 4 - 6 มื้อ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งโพรงหลังจมูกได้
3. ปลาแซลมอนย่าง บีบน้ำมะนาวสด โรยด้วยพริกไทย เกลือและเหยาะด้วยน้ำมันมะกอกนิดหน่อย แค่นี้ท่านก็จะได้วิตามิน บี12 เป็นของแถมจากธรรมชาติ เพราะปลาแซลมอนชิ้นพอดีๆ จะให้วิตามินบี12 ถึง 4.9 ไมโครกรัม ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งนำมาสู่โรคมะเร็งโพรงหลังจมูกได้
อาหารเสริม
แคลเซียม
ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อไม่ให้อ่อนล้า ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อายุระหว่าง 31 - 50 ปี ควรได้รับปริมาณ 1,000 ไมโครกรัมต่อวัน และอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ปริมาณที่ควรได้รับ คือ 1,200 ไมโครกรัมต่อวัน
วิตามินบี12
เพื่อช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและป้องกันการเป็นโรคโลหิตจาง และป้องกันการเป็นมะเร็งโพรงหลังจมูกได้ สำหรับบุคคลในวัยตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไป ปริมาณที่ควรได้รับคือ 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน
แร่สังกะสี
ช่วยเสริมสร้างประสาทสัมผัสการรับรสและกลิ่นให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ปริมาณที่ควรได้รับสำหรับผู้หญิง 11 ไมโครกรัมต่อวัน สำหรับผู้ชายควรได้รับ 8 ไมโครกรัมต่อวัน
คําเตือน
ปริมาณที่ควรได้รับควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเท่านั้น
ปัจจัยและอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- งดสูบบุหรี่ ยานัตถุ์
- หากต้องคลุกคลีหรือทำงานในโรงงานที่มีสารเคมี ฝุ่น สารระเหย ควรจะป้องกันตนเองด้วยการหาผ้าหรือหน้ากากมาปิดจมูกเวลาทำงาน ท่านจะได้ไม่พูดเอากลิ่นหรือฝุ่นผงเข้าไป
- ลดการรับประทานอาหารที่มีสารไนโตรซามีน (Nitrosamine)
คําแนะนําพิเศษ
หากท่านมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแพทย์จะได้ทำการตรวจเช็กอย่างละเอียดว่าท่านเป็นผู้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งโพรงหลังจมูกหรือไม่
peekaishop.com