โรคความดันโลหิตสูง
เป็นโรคที่เป็นภัยเงียบ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยมากโรคหนึ่ง เป็นโรคที่ อันตราย ที่ผู้เป็นมักจะไม่มีอาการ จนกระทั่งโรคเป็นมากและอยู่ในขั้น ร้ายแรงแล้วจึงทราบ เพราะฉะนั้น ถ้ารู้เสียแต่ตอนต้น และทำการ ควบคุมความดันไว้ ก็สามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากการมี ความดันโลหิตสูงได้ ในวงการแพทย์มีการยืนยันว่า การมีความดันสูง กว่าปกติจะทำให้อายุสั้นลง
สาเหตุของการตายที่เกิดจากโรคความดันโลหิตสูงที่สำคัญที่สุด มีอยู่ 3 อย่าง คือ โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมอง และโรคไต การที่มีความดันโลหิตสูงเป็นเวลานานจะทำให้ไขมันและหินปูนเกาะในเส้นเลือดมาก และทำให้เส้นเลือดตีบเร็ว ถ้าเป็นเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ เวลาออกกำลังหรือทำงานหนักๆ จะมีอาการเจ็บหน้าอก ถ้าเป็นมาก จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจในส่วนที่เส้นเลือดไปเลี้ยงตายไป ทำให้เกิดอาการหัวใจวาย เพราะกล้ามเนื้อหัวใจที่ยังดีอยู่ไม่พอที่จะทำงานได้ แต่ถ้าเส้นเลือดไปเลี้ยงสมองตีบ ก็จะทำให้เกิดอัมพาตในส่วนต่างๆ การที่มีความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน ก็จะทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไตตีบตัน และทำให้ไตพิการได้ด้วย เมื่อไตพิการ ก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถขับถ่ายน้ำ และของเสียออกจากร่างกายได้เพียงพอร่างกายก็จะพยายามปรับตัว โดยเพิ่มความดันโลหิตขึ้นอีก เกิดเป็นภาวะที่ทำให้ไตเสียเพิ่มมากขึ้น และความดันโลหิตสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดไตจะพิการจนใช้ไม่ได้
ความดันเท่าไรจึงเรียกว่าความดันโลหิตสูง เราใช้น้ำหนักของปรอทในการวัดความดันโลหิต ค่าความดันจึงเป็นหน่วยมิลลิเมตรของปรอท ยกตัวอย่าง ความดัน 120 มิลลิเมตรปรอท หมายความว่าความดันในเส้นเลือด สามารถดันให้ปรอทสูงขึ้นไปในหลอดแก้วได้ 120 มิลลิเมตร แต่ความดันโลหิต เวลาวัดจะมี 2 ค่า ค่าหนึ่งสูง อีกค่าหนึ่งตำ เพราะหัวใจเป็นเหมือนปั้ม เวลาหัวใจบีบตัวปั๊มเลือดออกไป ความดันจะสูง เวลาหัวใจขยายตัวเพื่อรับเลือดจากหลอดเลือดดำเข้ามาในหัวใจความดันก็จะลดต่ำลง เพราะฉะนั้น ความดันที่มีค่าสูง คือความดันขณะที่หัวใจปั้มเลือดออกมา ส่วนความดันค่าต่ำ คือความดันขณะที่หัวใจขยายตัวรับเลือดเข้าไปในหัวใจ
เกณฑ์ที่ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ผู้ชาย อายุน้อยกว่า 45 ปี มีความดันโลหิตสูง 130/90 มม.
ผู้ชาย อายุมากกว่า 45 ปี มีความดันโลหิตสูง 140/95 มม.
ผู้หญิง อายุมากกว่า 45 ปี มีความดันโลหิตสูง 160/95 มม.
โรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่ไม่รู้สาเหตุของการเกิด แต่องค์ ประกอบต่างๆ ที่อาจนำมาซึ่งโรคความดันโลหิตสูง มีดังนี้
1. พันธุกรรมและพฤติกรรมในการกินอาหาร เช่น ชอบกิน
อาหารรสเค็ม
2. ความผิดปกติของสมองในส่วนควบคุมความดันโลหิต
3. ความผิดปกติของฮอร์โมนบางชนิด 4. มีไขมันในหลอดเลือดมาก
5. ผนังหลอดเลือดมีโซเดียมมาก มีน้ำมาขังมากกว่าปกติ
6. ร่างกายไม่สามารถขับถ่ายโซเดียม (เกลือ) ที่กินเข้าไปได้ดีเท่า
การปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดโรค เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
1. ให้กินอาหารที่มีไขมันน้อย เช่น ปลา ผัก ผลไม้ ไม่กินอาหาร
2. ออกกำลังกายพอเหมาะและสม่ำเสมอ
3. พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าให้เครียด
สมุนไพรกับโรคความดันโลหิตสูง
สมุนไพรในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง ยังไม่มีผลงานวิจัย เด่นชัดว่ารักษาโรคความดันโลหิตสูงได้ ในตำราไทยนั้น จะเน้นการ ป้องกันไม่ให้เกิดโรคโดยนำสมุนไพรมาใช้ปรุงอาหาร เราแบ่งกลุ่มสมุน ไพรที่มีสรรพคุณตามกลุ่มอาการ ดังนี้
สรรพคุณสมุนไพรในการขับปัสสาวะ
ในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง จะต้องได้รับการควบคุมดูแล จากแพทย์แผนปัจจุบัน การนำสมุนไพรมาใช้ในผู้ป่วยโรคความดัน โลหิตสูง จะต้องระมัดระวัง และจะต้องตรวจความดันโลหิตอย่าง สม่ำเสมอจากแพทย์แผนปัจจุบัน
สมุนไพรที่ใช้ขับปัสสาวะมีดังนี้
ในใบของหญ้าหนวดแมวจะมีโพแทสเซียม 0.7-0.8% ใช้ใบอ่อน เป็นยาขับปัสสาวะที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากเกลือโพแทสเซียมใน ใบอ่อนจะมีปริมาณสูง ตามตำรายาไทย ใช้ขับนิ่วและลดความดันโลหิต
1. เนื่องจากหญ้าหนวดแมวมีเกลือโพแทสเซียมสูง จึงไม่ควร นำไปใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ
2. ควรใช้การชง ไม่ควรใช้การต้ม และควรใช้ใบอ่อน เพราะใบ แก่จะมีเกลือโพแทสเซียมละลายออกมามาก มีฤทธิ์กดหัวใจ ทำให้ หายใจผิดปรกติได้
3. ควรใช้ใบตากแห้ง ถ้าใช้ใบสดจะมีอาการคลื่นไส้ และใจสั่น 4. ไม่ควรใช้หญ้าหนวดแมวคู่กับยาแอสไพริน เพราะจะทำให้ ยามีฤทธิ์ต่อหัวใจมากขึ้น
5. ก่อนการใช้ควรปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบัน และได้รับการดูแล
อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย
ตามตำรายาไทย ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา โดยใช้ต้นหญ้าคาขนาด 40-50 กรัม หรือ 1 กำมือ ต้มดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ถ้วยชา
ขลู่
ตามตำรายาไทยใช้ทั้งต้นต้มกินเป็นยาขับปัสสาวะแก้อาการขัดเบา โดยใช้ทั้งต้นสดหรือแห้งวันละ 1 กำมือ ดื่มวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ1 ถ้วยชา ก่อนอาหาร หรือใช้ใบแห้งครึ่งกำมือ คั่วให้เหลือง ชงน้ำดื่มแทนน้ำชา
หมายเหตุ : การใช้สมุนไพรขับปัสสาวะทุกชนิด ต้องปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบัน เนื่องจากการใช้ยาขับปัสสาวะเกินขนาด อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้
peekaishop.com