กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลอัมพฤกษ์-อัมพาต
อัมพฤกษ์-อัมพาต คืออะไร
อัมพฤกษ์ อัมพาต คือ โรคที่ผู้ป่วยมีอาการชา ไม่มีแรง หรือสูญเสียการใช้อวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น แขน ขาไม่มีแรง ชาหรือยกแขน ขาไม่ได้ ถ้าเป็นมากอาจเป็นทั้งแขนและขา อาจหมดสติ หรือถึงกับเสียชีวิตได้ในทันที
สาเหตุของอัมพฤกษ์ อัมพาต
มีมากมาย ตั้งแต่โรคของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอาจมีการตีบ อุดตัน หรือเลือดออก (เรียกว่า cerebrovascular diseases หรือ CVA หรือ stroke) แต่อาจจะเกิดจากโรคมะเร็ง หรือก้อนเนื้อที่ไม่ใช่มะเร็ง หรืออาจจะเป็นโรคของเซลล์ประสาท เองก็ได้
ในที่นี้จะขอพูดเฉพาะโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดสมองมักเป็นในผู้ที่มีอายุกลางคนจนถึงสูงอายุ ในสหรัฐอเมริกาจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ถึงปีละ 2 แสนคน! และจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ฉะนั้นโรคนี้จึงเป็นปัญหามากเนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุในโลกนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ในประเทศไทยในขณะนี้ (พ.ศ. 2548) มีผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีถึง 10.2% และคาดว่าใน พ.ศ. 2558 จะมีผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี ถึง 20% stroke เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับที่3 ของโลก ในปี ค.ศ. 2002 (2545) มีผู้เสียชีวิตจาก Stroke ทั่วโลกถึง 5.5 ล้านคนเป็นหญิงถึง 3 ล้านคน ในประเทศไทยมีผู้เป็นโรคนี้ 150,000 คนต่อปี หรือ 1 คนทุก 4 นาที ประมาณการว่าผู้ป่วยโรคนี้ 1 คนใช้งบประมาณ 100,000-1,000,000 บาทต่อปีในการดูแลรักษาจะเป็นยอดเงินถึงปีละ 15,000 ล้านบาท ในปัจจุบันนี้ประชาชนชาวไทยมีความเสี่ยงต่อโรคนี้ถึง 18 ล้านคน ซึ่งน่าที่จะลดยอดนี้ได้ถึง 50% ซึ่งจะมีการรณรงค์ป้องกันโรคนี้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 2550 ซึ่งจะสามารถช่วยคนได้ 7.5 หมื่นคนต่อปี หรือจะเป็นการประหยัดเงินได้ถึง 7,500 ล้านบาทต่อปี
ปัจจัยเสี่ยงของการที่หลอดเลือดจะตีบและอุดตัน (atherosclerosis)
ก็คล้ายๆ โรคของหลอดเลือดตีบและอุดตันทั่วร่างกาย โดยเฉพาะหลอดเลือดของหัวใจ กล่าวคือ พันธุกรรม เพศชาย อายุไขมันในเลือดสูงสูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน อ้วน ไม่ออกกำลังกาย ความเครียดซึ่งพยาธิสภาพของหลอดเลือดมักมีขึ้นตั้งแต่เกิด แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย โดยทั่วๆ ไปแล้วก่อนที่จะมีอาการโดยเฉพาะที่หัวใจ หลอดเลือดมักต้องตีบ 50-75% ของเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือด ทั้งนี้จะต้องมีการแตกของ “ก้อนไขมัน” ที่อยู่ใต้ผนังหลอดเลือด ทำให้มีปฏิกิริยาและเกิดการอุดตันของหลอดเลือด ฯลฯ
การขึ้นมาทันทีทันใด คือ ผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตมักจะมีอาการมา พูดไม่ได้ หรือแขน ขาไม่มีแรง ชา หรือเคลื่อนไหวไม่ได้ ความผิด ปกติอาจเป็นแค่นี้ เป็นมากขึ้น หรือดีขึ้น อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว สาเหตุอาจเกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ถ้าขาดเลือดเพียงไม่กี่ วินาทีจนถึงหลายนาทีอาจทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ถ้า เลือดสามารถไหลได้ตามปกติในระยะเวลาที่รวดเร็วผู้ป่วยอาจกลับคืนสู่ สภาพเดิมได้อย่างครบถ้วน แต่ถ้าสมองขาดเลือดนานเกินไปเซลล์ของ สมองอาจตายได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ร่างกายจะไม่กลับคืนสู่สภาพเดิม ถ้า อาการมนานกว่า 24 ชั่วโมงถือได้ว่าเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตแล้ว
การไหลน้อยของเลือดในหลอดเลือดสมองอาจเกิดขึ้นได้ใน กรณีที่มีความดันโลหิตต่ำ เช่น จากการเต้นไม่เป็นจังหวะของหัวใจ หลอดเลือดหัวใจอุดตัน หรือจากการเสียเลือดและช็อก ถ้าหลอดเลือด สมองมีเลือดน้อยไปนานๆ จะทำให้เกิดการตายของเซลล์สมองได้ ซึ่ง จะนำไปสู่อัมพฤกษ์ อัมพาต
อัมพฤกษ์ อัมพาต ยังเกิดได้จากการที่หลอดเลือดสมองแตก ทำให้มีเลือดออกไปกดเซลล์สมองและมีอาการต่างๆ ตามมา เวลามี อัมพฤกษ์ อัมพาตเกิดขึ้นแพทย์จะต้องวินิจฉัยสาเหตุให้ได้ว่าเกิดจาก โรคอะไร หลอดเลือด มะเร็ง หรือโรคทางเส้นประสาทเอง ถ้าเป็นโรค ของหลอดเลือดเอง ต้องวินิจฉัยให้ได้ว่าเป็นการตีบ อุดตัน หรือหลอด เลือดแตก เพราะการรักษาไม่เหมือนกัน ถ้าวินิจฉัยและรักษาผิดอาจมี ปัญหาเกิดขึ้นได้ในผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจ แต่ผู้ที่เคยเป็นโรคหัวใจหรือเป็นเบาหวาน (ถึงแม้จะยังไม่เป็นโรคหัวใจ) LDL ควรต่ำกว่า 100
โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูงควรได้รับการตรวจ วินิจฉัย รักษาภายใต้การควบคุมของแพทย์ แต่หลักการคือ ออกกำลังกายที่เหมาะสม และกินอาหารที่เหมาะสม การออกกำลังกายที่เหมาะสมคือ หนึ่ง ต้องเป็นการออกกำลังกายที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและนานพอคือ 30-40 นาที สอง หนักพอคือให้หัวใจเต้น
ประมาณ 70% ของความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้ (วิธีคำนวณความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้คือ 220-อายุ (ปี) เช่น คนอายุ 60 ปี = 220-60 = 160 ครั้ง 70% ของ 160 คือ 112 ครั้งต่อนาที) แต่ในทาง
ปฏิบัติถ้าไม่มีเครื่องวัดชีพจรอาจไม่ต้องวัด แต่ออกกำลังกายให้รู้สึกเหนื่อย หอบเล็กน้อย และมีเหงื่อออก และสาม ต้องทำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ วิธีการออกกำลังกายที่ดีคือการเดินเร็วๆ วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ ถีบจักรยานอยู่กับที่ เต้นแอโรบิก ฯลฯ
ส่วนการกินอาหารที่เหมาะสมคือการกินหนักไปทางผักปลา ข้าว ผลไม้ ควรหลีกเลี่ยงมันสัตว์ หนังสัตว์ เครื่องใน ไข่แดง (ไม่ควรกินมากกว่า 3 ฟองต่อสัปดาห์) กะทิ ของหวาน น้ำหวาน
ท่านควรดูแลตนเองด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารที่เหมาะสมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และบอกลูกหลาน ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงให้ทำด้วย และถ้าเป็นไปได้ควรวัดความดันโลหิต ตรวจน้ำตาล ไขมันในเลือดด้วย เพราะการปฏิบัติตนเองเพียงแค่นี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้มากมาย และรวมถึงโรคอื่นๆ ด้วย เช่น โรค
หัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง กระดูกพรุน โรคมะเร็งบางชนิด อาการปวดหลัง ฯลฯ
การสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ดีกว่ารอให้เป็นแล้วจึงรักษาได้ผลดีกว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : ศาสตราภิชาน นายแพทย์พินิจ กุลละ
วณิชย์ ผู้อำนวยการสำนักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย เรื่อง “กินอยู่
อย่างไร ห่างไกล อัมพฤกษ์ อัมพาต ในคู่มือ “ โรคหลอดเลือดแดงตีบ
มหันตภัยใกล้ตัว” มูลนิธิแพทย์เพื่อประชาชน ครั้งที่ 61 หน้า 14-17