"โปรตีนรั่ว" โรคไตอักเสบต้องระวัง!!
อาการโปรตีนรั่ว ทำให้ผู้ป่วยตัวบวมผิดปกติ และไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนกับคนทั่วไป จำเป็นต้องได้รับการรักษา โดยภาวะดังกล่าวยังส่งสัญญาณถึงการอักเสบของไต นำไปสู่ภาวะไตวายในอนาคตได้อีกด้วย
อาการโปรตีนรั่ว หรือเรียกว่า “เนฟโฟรติก” เป็นสัญญาณที่แสดงถึงโรคไตอักเสบ มีการขับโปรตีนชนิดที่เรียกว่าอัลบูมินออกมาทางปัสสาวะมากเกินไป ทำให้เกิดอาการตัวบวมตามมา และจะพบมากในเด็ก ซึ่งอาการบวมที่เกิดจากโปรตีนรั่วจำเป็นต้องได้รับการรักษา
กลุ่มอาการเนโฟรตริก Nephrotic Syndrome เป็นอย่างไร
ความผิดปกติของไตที่ยังสามารถกรองของเสียได้อยู่ เพียงแต่มีการรั่วของโปรตีนออกมาในปัสสาวะมากเกินไป วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นให้ดูปริมาณปัสสาวะว่ามีความเปลี่ยนแปลง หรือมีฟองมากขึ้นหรือไม่ ที่สำคัญคืออาการบวมของร่างกาย หากปัสสาวะมีความผิดปกติเกิดขึ้นสัมพันธ์กับอาการบวม อาจเป็นสัญญาณของอาการโปรตีนรั่วได้ ในส่วนของสีปัสสาวะที่เปลี่ยนไปในทางสีเข้มขึ้น พบว่าไม่ได้เกิดกับผู้ป่วยทุกราย ส่วนในรายที่มีความเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้ คาดว่าเกิดจากภาวะน้ำในหลอดเลือดลดน้อยลง จึงทำให้สีของปัสสาวะนั้นเข้มขึ้น
กลุ่มอาการเนโฟรติกเกิดจากการที่ไตขับโปรตีน หรือไข่ขาวออกทางปัสสาวะมาก ซึ่งเกิดจากความผิดปกติที่ผนังหลอดเลือดที่ไตไม่สามารถกรองโปรตีนหรือไข่ขาวไว้ ทำให้มีไข่ขาวรั่วออกมาทางปัสสาวะจำนวนมาก กลุ่มอาการเนโฟตริกไม่ใช่โรค แต่เป็นกลุ่มอาการที่ประกอบไปด้วยอาการหรืออาการแสดงที่สำคัญได้แก่
- ตรวจพบปริมาณไข่ขาว (Proteinuria)จำนวนมากในปัสสาวะ
- ตรวจเลือดพบไข่ขาว (Albumin) ในเลือดต่ำ
- บวมเท้า ขอบตา
- ไขมัน Chosterol ในเลือดสูง
สาเหตุของกลุ่มโรคเนโฟตริก
สาเหตุของกลุ่มโรคเนโฟตริกอาจจะเกิดจากสาเหตุจากโรคไตโดยตรง หรือเกิดจากโรคอื่นๆที่มีผลต่อโรคไต
1 สาเหตุจากโรคไต
- Minimal-change nephropathy เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในเด็กไตจะไม่สามารถกรองโปรตีน แต่เมื่อตัดชิ้นเนื้อไตไปตรวจจะพบว่ามีความผิดปกติน้อยมาก ส่วนสาเหตุยังไม่มีใครทราบ
- Focal glomerulosclerosis ชิ้นเนื้อไตจะมีการ sclerosis หน้าตัวหรือแข็งตัวเป็นแห่งๆ สาเหตุยังไม่มีใครทราบ
- Membranous nephropathy พบว่าผนังของหน่วยไตหรือ glomeruli ส่วน membrance จะมีการหนาตัว สาเหตุมักจะพบร่วมกับการติดไวรัสตับอักเสบ บี มาลาเรีย มะเร็ง
- Hereditary nephropathies การที่จะรู้ว่าเป็นโรคไตแบบไหนจะต้องเจาะเอาเนื้อไตไปส่องกล้องจุลทัศน์ ซึ่งจะปรากฎลักษณะของเนื้อไตว่าเป็นชนิดไหน
2 สาเหตุจากโรคอื่น
เป็นกลุ่มโรคเนโฟตริกที่มีสาเหตุจากโรคอื่นเช่น โรคไตจากโรคเบาหวาน Diabetes mellitus โรคไตจากโรค Lupus erythematosus Amyloidosis and paraproteinemias โรคติดเชื้อเช่น Viral infections (eg, hepatitis B, hepatitis C, human immunodeficiency virus [HIV] ) ภาวะครรภ์เป็นพิษ Preeclampsia
หัวใจวาย
3 ยาหรือสารพิษที่ทำให้เกิดเนฟโฟรติก
การตรวจปัสสาวะ, ยาหรือสารเคมีที่ทำให้เกิดกลุ่มเนโฟตริกได้แก่ เฮโรอิน heroin ยาแก้ปวดข้อกลุ่ม NSAID ทองสำหรับรักษาโรคข้อ ยา penicillamine และยาที่รักษาโรคกระดูกพรุน bisphosphonates ยารักษาโรคมะเร็ง การตรวจวินิจฉัยที่สำคัญ
สาเหตุของอาการโปรตีนรั่ว
ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ในผู้ป่วยบางรายพบว่าเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม และในส่วนของอาการแทรกซ้อนจากอาการโปรตีนรั่ว แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การแทรกซ้อนจากตัวโรคเองและการแทรกซ้อนจากการรักษา
- การแทรกซ้อนจากตัวโรคเอง อาจเกิดจากการไม่ตอบสนองต่อการรักษา หรือเกิดในผู้ป่วยที่ขาดการรักษาไปเป็นเวลานาน อาจทำให้ไตวายได้ในอนาคต หรืออาจมีภาวะการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากภาวะโปรตีนรั่ว ส่งผลให้เลือดมีความหนืดมากกว่าปกติ และมีโอกาสแข็งตัวในหลอดเลือดได้ง่าย
- การแทรกซ้อนที่เกิดจากการรักษา คือผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแล้วดูแลในเรื่องของสุขลักษณะได้ไม่ดีพอ จึงเกิดการติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากยาที่ใช้ในการรักษาเป็นยากดภูมิ หากติดเชื้อรุนแรงอาจเสียชีวิตได้
การรักษาอาการเนฟโฟรติก
แพทย์จะใช้ยาลดการอักเสบกลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นยามาตรฐานชนิดแรกที่แพทย์จะเลือกใช้กับคนไข้เนฟโฟรติก หากมีการตอบสนองต่อตัวโรคได้ดี แพทย์จะค่อย ๆ ลดยากระทั่งหยุดให้ยา แต่ถ้าหากผู้ป่วยตอบสนองต่อการรักษาไม่ดี แพทย์ไม่สามารถหยุดให้ยาได้ จำเป็นต้องใช้ยากดภูมิอื่น ๆ ร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังมีการรักษาแบบประคับประคองซึ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่คนไข้มีอาการบวมมาก เพราะถึงแม้จะมีการให้ยาจำเพาะสำหรับการรักษาโรค แต่คนไข้อาจไม่ตอบสนองทันที อาจต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป อาการบวมจึงจะยุบตัวลง ในแง่ของการรักษาแบบประคับประคอง ประกอบด้วย การจำกัดอาหารรสเค็ม อาหารรสจัด อาหารที่ปรุงด้วยเกลือปริมาณมาก เนื่องจากเกลือจะทำให้ตัวบวมมากขึ้น ส่วนในแง่ของอาหารอื่น ๆ เช่น โปรตีน คนไข้ยังสามารถทานได้ตามความเหมาะสมของช่วงอายุคนไข้
ความสำคัญของการรักษา
คือเรื่องการกินยาต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดยาหรือเพิ่มยาเอง หากมีปัญหาต้องรีบติดต่อแพทย์ เพื่อวางแผนปรับยาโดยเร็ว นอกจากนี้คนไข้ควรดูแลเรื่องการรับประทานอาหารที่สุกสะอาด เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด หรือปรุงด้วยเกลือปริมาณมาก เพราะจะทำให้ตัวบวม ทั้งยังกระตุ้นความดันโลหิตให้สูงขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก RAMA CHANNEL
------------
อ่านบทความโรคไตเพิ่มเติม :
https://pollenbest.blogspot.com/
---------
ดูรีวิวโรคไต ใน YouTube Channel :
https://bit.ly/3yn3KQ8