โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เป็นความผิดปกติของการเผาผลาญใน ร่างกาย (metabolism) ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของโรคไตเรื้อรังทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย (Stenvinkel, 2010) สำหรับประเทศไทยผลการลงทะเบียนการรักษาด้วยการบำบัดทดแทน ไตของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย (Thailand Renal Replacement Therapy Registry Report) ระหว่างปี พ.ศ. 2551-2558 พบ ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่รับการฟอกไตมีสาเหตุโรคไตเรื้อรังจากโรคเบาหวาน (diabetic kidney disease) มากที่สุด จากปี พ.ศ. 2553 จำนวน 11,147 คน เพิ่มขึ้นเป็น จำนวน 24,514 คน ในปี พ.ศ. 2558 และรองลงมา เป็นโรคไตจากความดันโลหิตสูง (hypertensive nephropathy) ปี พ.ศ. 2553 มีจำนวน 2,759 ราย เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 19,515 ราย ในปี พ.ศ. 2558
ตัวอย่างจากการศึกษาเกี่ยวกับความชุกของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะ แทรกซ้อนที่ใด จำนวน 3,795 ราย พบความชุกของโรคเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนที่ได ร้อยละ 45.5 โดยเป็นโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 ร้อยละ 34 ระยะที่ 4 ร้อยละ 39.5 และระยะ ที่ 5 ร้อยละ 26.5 สำหรับ ความดันโลหิตสูงและโรคไตเรื้อรังเป็นภาวะที่มีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ ความดันโลหิตสูง เป็นได้ทั้งสาเหตุและภาวะแทรกซ้อนของโรคไตเรื้อรัง โดยพบความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มม.ปรอท ได้ ร้อยละ 50-75 ของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังทั่วไป หรือร้อยละ 85-95 ในผู้ป่วย โรคไตเรื้อรังระยะที่ 3-5 นอกจากนี้ความดันโลหิตสูงยังเป็นสาเหตุที่สำคัญที่เพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การเสื่อมหน้าที่ของไดซึ่งจะทำให้อัตราการกรองของได ลดลงอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และเป็นสาเหตุของการ เสียชีวิตเร็วขึ้น จากข้อมูลสถานการณ์การเจ็บป่วยด้วยโรค เบาหวานและความดันโลหิตสูงดังได้กล่าวนั้น จึงมีความจำเป็นต้องเร่งจัดการควบคุม ป้องกันโรค โดยเฉพาะการจัดการในประชากรที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เพื่อชะลอการเสื่อมของไต นอกจากนี้โรคไตเรื้อรังยังมีสาเหตุอื่น ดังนี้
1. โรคนิ่วในไต (renal stone disease หรือ nephrolithiasis) เป็นความผิดปกติที่เกิด จากการอุดตันระบบทางเดินปัสสาวะ ตั้งแต่ไตลงมาจนถึงท่อปัสสาวะ ซึ่งอาจเกิดจากก้อน นิ่วหรือก้อนเนื้องอก
2. กรวยไตและหน่วยไตอักเสบ (chronic glomerulonephritis) ภาวะการ อักเสบของกลุ่มเลือดฝอยของไต (glomeruli) ซึ่งปกติจะทำหน้าที่กรองของเหลวส่วนเกิน หรือของเสียที่ปะปนมาในกระแสเลือดให้กลายเป็นปัสสาวะ ไตอักเสบอาจเป็นภาวะโรคที่ เกิดขึ้นเอง แต่ในบางกรณีอาจเป็นผลพวงมาจากโรคชนิดอื่น ได้แก่ จากการติดเชื้อแบคทีเรีย สเตร็ปโตค็อกคัส (streptococcus) การอักเสบจากโรคทางภูมิคุ้มกัน เช่น โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง (systemic lupus erythematosus, SLE) J
3. โรคหลอดเลือด เกิดจากหลอดเลือดไปเลี้ยงได้ตีบแคบ (remail artery stenosis) หรือเกิดจากหลอดเลือดขรุขระ จึงทำให้เกิดการแข็งตัวของหลอดเลือด (arteriosclerosis) ส่งผลให้หลอดเลือดไปเลี้ยงใดไม่เพียงพอทำให้อัตราการกรองของได้ลดลงไปเรื่อยๆ ส่งผล ให้เกิดการสูญเสียหน้าที่ไปทีละน้อย
4. ความผิดปกติของหลอดเลือดฝอยที่ใด เช่น ภาวะกรดเกินเนื่องจากความบกพร่อง ของการขับถ่ายของไต (renal tubular acidosis) ทำให้เกิดการสูญเสียในการควบคุม เกลือแร่ และกรดด่าง
5. โรคไตอักเสบเรื้อรังจากการติดเชื้อ (chronic pyelonephritis) มีการอักเสบจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้มีการอักเสบของใตและกรวยไตอักเสบเรื้อรัง หรืออาจเกิดจากวัณโรคที่ไต
6. โรคไตจากเก๊าต์ (gouty nephropathy) เป็นความผิดปกติของเมแทบอลิซึม เช่นเดียวกับโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง
7. โรคถุงน้ำในไต (polycystic kidney disease) ที่เป็นความผิดปกติของไต แต่กําเนิดหรือจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
8. โรคไตจากการใช้ยาแก้ปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน (chronic analgesic nephropathy) โดยเฉพาะกลุ่มยาอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาลดความอ้วน หรือ ยาปฏิชีวนะที่มีผลต่อไต ตัวอย่างจากการศึกษาเกี่ยวกับความชุกและปัจจัยเสี่ยงของโรคไต เรื้อรังในชาวไทย จำนวน 3,459 ราย พบว่า การใช้ยาแผนโบราณ เป็นหนึ่งในเจ็ดปัจจัยเสี่ยง ที่สำคัญของโรคไตเรื้อรัง ยาแผนโบราณที่ใช้บ่อย ได้แก่ ยาต้ม ยาผง ยาจีน และยาลูกกลอน เพื่อคงไว้ซึ่งภาวะสุขภาพที่ดีและช่วยบรรเทาอาการปวด ซึ่งยาเหล่านี้สามารถหาง่ายและ ราคาถูก อย่างไรก็ตามยาแผนโบราณเหล่านี้อาจมีโทษ เนื่องจากมีการผสมสมุนไพรหลาย ชนิดที่มีพิษต่อไต ได้แก่ aristolochia species, securidaca longepedunculata และ euphorbia matabelensis หรือจากการปนเปื้อนโลหะหนัก เป็นต้น
อาการและอาการแสดงของโรคไตเรื้อรัง
อาการและอาการแสดงในโรคไตเรื้อรังขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรคไตเรื้อรังและระยะ ของโรค ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในระยะที่ 1 และ 2 มักไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่เมื่อโรคไตเรื้อรัง มีความรุนแรงมากขึ้น จะมีอาการเตือนที่สำคัญ 6 อย่าง ดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงของการขับปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน หรือปัสสาวะน้อยลงในตอนกลางวัน
2. มีอาการแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะขัดสะดุดหรือมีนิ่วปนออกมา 3. ปัสสาวะมีเลือดปน ปัสสาวะสีน้ำล้างเนื้อหรือเป็นฟอง
4. บวมบริเวณหน้าท้อง และหลังเท้า
5. ปวดบั้นเอวหรือด้านหลัง
6. มีความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้มาจากสาเหตุอื่นๆ
จากการศึกษาเกี่ยวกับอาการแสดงในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 4 และ 5 ที่ปฏิเสธ การฟอกไต จำนวน 55 ราย เป็นเวลา 10 เดือน อาการแสดงที่พบบ่อย คือ อ่อนเพลีย (75%) ความสามารถในการเคลื่อนไหวลดลง (75%) ความอยากอาหารลดลง (58%) ปวด (56%) คัน (56%) เหนื่อยและง่วงนอน (49%) และท้องผูก (42%) และผู้ป่วยแต่ละรายอาจพบอาการ แสดงดังกล่าว 1 ถึง 14 อาการ ด้วยกัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มีอาการรุนแรง จะได้รับผลกระทบจากโรคหลายระบบ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ลดลงหากไม่ได้รับการจัดการอาการอย่างมีประสิทธิภาพ
ดูรีวิวเพิ่มเติมใน YouTube Channel :
: https://bit.ly/3yn3KQ8
---------
เพิ่มเพื่อนปรึกษาปัญหาสุขภาพ :
: https://bit.ly/3zqFkqt
---------
อ่านบทความเพิ่มเติม :
https://pollenbest.blogspot.com/