งาดำ
งาดำก็คืออีกสุดยอดของธัญพืชที่จะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ได้เป็นอย่างดี ทำให้คุณดูอ่อนเยาว์ได้จริง พร้อมทั้งมีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ซึ่งงาดำมีคุณค่าดีๆ มากมาย ดังนี้
- งาดำเป็นธัญพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เนื่องจากอุดมด้วย วิตามินอีสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือวิตามินอีที่มีในปริมาณสูงมาก และ วิตามินอีนี่เองที่จะทำให้คุณมีผิวพรรณดี ปราศจากริ้วรอยเหี่ยวย่น และยัง ป้องกันการเกิดปัญหาเรื่องผิวแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้นด้วย
- ช่วยในการบำรุงประสาทให้เป็นปกติ ทำให้ร่างกายคุณทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- งาดำมีความจําเป็นอย่างยิ่งในการเสริมสร้างการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในเด็กๆ
- บรรเทาการนอนไม่หลับ ทำให้คุณพักผ่อนเต็มที่พร้อมตื่นขึ้นมา ด้วยหน้าตาที่สดใสยิ่งขึ้น
- สาวๆ ที่ต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานๆ จนรู้สึกเมื่อยสายตา คุณควรหันมากินงาดำเพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายรอบๆ ดวงตาที่อ่อนล้า ทำให้คุณมีดวงตาคู่สวยที่มีประสิทธิภาพไปอีกนาน
- อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจะไม่เกิดกับคนที่ได้กินงาดำเป็น ประจำแน่นอน เพราะงาดำจะช่วยกระตุ้นให้คุณกระปรี้กระเปร่ามีพลังทำ กิจกรรมต่างๆ อย่างเต็มที่ และในทางการแพทย์ถือว่างาดำยังเป็นอาหาร ที่สามารถบำรุงกำลังได้ดีมาก
- คนที่เป็นเหน็บชาอยู่เสมอควรได้กินงาดำให้มากขึ้นเพื่อทำให้ เลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะที่ขา ดังนั้นคุณจึงไม่ ค่อยเป็นเหน็บชาอีกเลย
- หากช่วงนี้คุณมีอาการเบื่ออาหาร กินได้น้อยจนดูโทรมผิวเสีย ทางที่ดีคุณควรหันมากินงาดำเพื่อช่วยกระตุ้นให้อยากอาหารมากขึ้น
- ผู้หญิงที่อยู่ในภาวะหมดประจำเดือนแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจน ก็จะลดน้อยลงตามธรรมชาติ ดังนั้นร่างกายก็จะมีการดึงแคลเซียมออก มาจากกระดูกเพื่อนำมาใช้แทน โอกาสที่คุณสาวใหญ่ทั้งหลายจะเป็น โรคกระดูกเสื่อมจึงมีมากขึ้น ดังนั้นคุณก็ควรหันมากินงาดำให้มากๆ เพื่อ ช่วยเพิ่มแคลเซียมให้กับร่างกายด้วยสาวๆ ที่ท้องผูกต้องกินงาดำเพื่อเพิ่ม ปริมาณกากใยหรือไฟเบอร์ในลำไส้ ทำให้ลำไส้มีการบีบรัดตัวช่วยให้การ ขับถ่ายดียิ่งขึ้น คุณจึงสามารถถ่ายได้เองโดยที่ไม่ต้องเสี่ยงกับการใช้ยา ถ่ายอีกเลย
- คุณๆ ที่มักจะปวดตามตัว ตามแขนขา ก็สามารถบรรเทาได้ด้วย การกินงาดำมันๆ นี่แหละ
- งาดำยังเป็นอาหารต้านมะเร็งที่ได้ผลดีมาก ในการแพทย์แผน ปัจจุบัน และการแพทย์ทางเลือกก็แนะนำให้ผู้ป่วยและผู้ที่อยากดูแล สุขภาพตัวเองได้กินงาดำเป็นประจำ ยิ่งทุกวันยิ่งดี
- งาดำจะช่วยในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงไม่ผุกร่อนได้ ง่าย เพราะงาดำมีแคลเซียมมากกว่าผักผลไม้ชนิดอื่นถึง 20 เท่า และยังมี ฟอสฟอรัสมากกว่าผักอื่นๆ ถึง 20 เท่าเช่นกัน ซึ่งสารอาหารทั้งสองชนิดนี้แหละ ที่เป็นแร่ธาตุที่สำคัญมากสำหรับการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง งาดำยังช่วยให้ความอบอุ่นกับร่างกาย เพราะงาดำมีไขมัน และยังเป็นไขมันคุณภาพดีที่เรียกว่ากรดไขมันไลโนลีอิกซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการ ทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย
- งาดำยังช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง ทีนี้ถ้าคุณจะเล่นสนุกกับ ผมด้วยการย้อม ดัด ตัด ซอย ก็ไม่ต้องกลัวจนเกินไปว่าผมจะเสียแล้ว นอกจากนี้งาดำยังช่วยดูแลผมให้นุ่มไม่แห้งกรอบด้วย
- ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลไม่ให้มีในปริมาณมากจนเกิน ไป รวมทั้งป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว ดังนั้นจึงช่วยป้องกันโรคหัวใจ และโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับหลอดเลือดได้ด้วย
- งาดำไม่ใช่อาหารทะเลแต่ก็มีประโยชน์ในการป้องกันโรคคอพอก ได้ เนื่องจากอุดมด้วยไอโอดีนในปริมาณสูงซึ่งแทบไม่พบเลยในผักผลไม้ และธัญพืชต่างๆ
- การกินงาดำในปริมาณพอดีๆ จะช่วยป้องกันและบรรเทาโรค ความดันโลหิตสูงได้
- งาดำจะช่วยบำรุงกระเพาะอาหารให้ทำงานดีขึ้น ดังนั้นคุณจึง ควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะเมื่อการย่อยดีแล้วก็จะทำให้ไม่ค่อยมีการสะสม ที่เป็นต้นเหตุให้คุณอ้วนได้ง่าย
- งาดำจะช่วยบำรุงเลือดได้ดีมาก จึงช่วยให้เลือดคุณภาพดีไป หล่อเลี้ยงผิวพรรณให้สดใสอมชมพู
- คนที่ขาดสมาธิในการทำงานต้องหันมากินงาดำเพื่อช่วยให้คุณ มีสมาธิไม่วอกแวก
- อารมณ์เศร้าซึมสามารถบรรเทาด้วยการกินงาดำเป็นประจำทุกวัน
- ถ้าคุณมีอาการไอแห้ง แบบที่ไม่มีเสมหะ ให้คุณนำงาดิบสัก 120 กรัม มาผสมกับน้ำตาลทรายแดง 20 กรัม จากนั้นนำมาบดรวมกัน แล้วนำผงที่ได้นำมากินครั้งละ 15 กรัม โดยเติมน้ำเดือดจัดแล้วทิ้งไว้สัก 2 - 3 นาที ดื่มขณะอุ่นๆ วันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็นก็จะช่วยได้มาก งาดำจะช่วยในการปรับสภาพและฟื้นฟูเซลล์ให้แข็งแรง โดยเฉพาะเซลล์ ผิวที่เสื่อมสภาพแล้ว
- อาการริมฝีปากแตกก็สามารถแก้ได้ด้วยการกินงาดำ เพราะงา จะช่วยดูแลทั้งเยื่อบุภายใน เหงือก และภาย ภายนอกปากให้มีสุขภาพที่ดี ปราศจากอาการแห้งแตก หรืออักเสบได้
- อาการปวดศีรษะจะค่อยๆ หายไปเมื่อคุณได้กินงาดำอย่างต่อ เนื่อง เพราะงาดำจะช่วยในการบำรุงประสาทส่วนปลายที่ถ้าหากผิดปกติ ก็จะทําให้ปวดศีรษะได้ง่าย
- โรคหวัดในระยะแรกเริ่มสามารถบรรเทาได้ด้วยการกินงาดำ ติดต่อกัน เพราะงาดำจะไปเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้ดีขึ้น
- อาการปัสสาวะกะปริดกะปรอย อุจจาระขัด สามารถบรรเทาได้ ด้วยการกินงา โดยให้คุณนำเมล็ดงาดิบๆ สัก 25 กรัม ไปแช่ในน้ำเดือด หรือต้ม กับน้ำเพียงเล็กน้อย แล้วกินขณะท้องว่างก็จะช่วยบรรเทา อาการได้ดีมาก
- หากคุณใช้เป็นน้ำมันงานวดหนังศีรษะเพื่อการบำรุงเส้นผม ก็จะช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม เนื่องจากน้ำมันงาดำจะเข้าไปเพิ่มการ ไหลเวียนของโลหิตบริเวณรูขุมขนที่หนังศีรษะได้ คนที่เป็นภูมิแพ้นั้นควรหัน มากินงาดำ เพื่อช่วยให้อาการแพ้บางอย่างบรรเทาลง เกิดภูมิต้านทานที่ดีขึ้น
- สาวๆ ที่ปวดประจำเดือนต้องหันมากินงาดำสุดยอดธัญพืช ที่ จะช่วยลดอาการบีบรัดตัวของมดลูกได้ ทำให้อาการปวดเกร็งหายไป คุณ จึงไม่ต้องเซ็งอารมณ์กันทุกเดือนอีกต่อไป
- การใช้น้ำมันงาดิบนำมานวดตัวในตอนเช้าก่อนอาบน้ำ ก็จะ ช่วยให้ระบบประสาทเป็นปกติฮอร์โมนได้สมดุล ทำให้จิตใจสงบมีสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน ช่วยในการคลายเครียด บรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ดีมากเพราะ น้ำมันงาดิบสามารถซึมผ่านผนังได้ทุกชั้น ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการ ทํางานอย่างล้ำลึก ได้ผลอย่างดีเยี่ยม
- งาดำยังช่วยในการบำรุงความจำ ทำให้คุณไม่หลงลืมทั้งๆ ที่ อายุยังน้อย
- อาการคลื่นไส้อาเจียนบ่อยๆ จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อคุณกินงาดำ อย่างสม่ำเสมอ
- สาวๆ ที่มีปัญหาเรื่องสิวฝ้าบดบังใบหน้าสวยๆ จากนี้ไปคุณจะ ไม่ต้องกังวลกับปัญหานี้อีกต่อไปแล้วเพราะงาดำจะช่วยในการฟื้นฟู ทำให้ จุดด่างดำ รอยต่างๆ ค่อยๆ จางลง
เมนูแนะน่าอร่อยได้คุณค่า
1. ข้าวกล้องหุงรวมกับเผือกโรยด้วยงาดำบดหยาบๆ กินกับข้าว ต่างๆ แทนข้าวสวย
2. บัวลอยงาดำน้ำขิงรสเข้ม กินร้อนๆ ในวันหนาวๆ อร่อยนัก
3. งาดำตัดหอมหวาน ใช้กินเล่นแทนขนมกรุบกรอบไร้ประโยชน์
4. สมูธตี้งาดำรสเข้มข้นหอมมัน
5. คุกกี้ใส่งาดำและธัญพืชอื่นๆ แบบอัดแน่น เช่น เมล็ดทานตะวัน วอลนัต เมล็ดแตงโม เฮลเซลนัท
6. ซุปงาดำกินอื่นๆ ได้รสชาติดี คุณภาพครบถ้วน
7. งาดำมาบดรวมกับน้ำจิ้มต่างๆ เพื่อเพิ่มความหอมมัน
8. ข้าวผัดผักหลากสีใส่งาดำด้วย
9. งาดำมาโรยหน้าอาหารทุกจานที่คุณกินยังได้เลย
10. งาดำบดผสมน้ำผึ้งเล็กน้อยพอให้จับตัวจะทำให้กินได้ง่ายขึ้น เพราะงาดำจะไม่แห้งเป็นผงมาก แต่จะมีความลื่นและหอมหวานอร่อย
11. เค้กเนื้อชิฟฟอนผสมงาดำเพิ่มสีสัน ความอร่อย และได้คุณค่า
12. ใส่งาดำในตอนที่คุณหมักหมู หรือเนื้อสัตว์ต่างๆ จะช่วยให้มี กลิ่นหอมมันยิ่งขึ้น ใส่งาดำบดละเอียดลงในเครื่องดื่มถ้วยโปรดของคุณสัก 2-3 ช้อนชา จะทำให้คุณได้รับสารต้านอนุมูลอิสระทุกวันอย่างแน่นอน
13. นำงาดำไปทำไส้ขนมโมจิแบบญี่ปุ่นได้เลย
14. งาดำนำมาทำเป็นชางาดำดื่มบ่อยๆ
15. งาดำนำมาผสมในถั่วบดที่ใช้ทำลูกชุบ
16. งาดำผสมในข้าวเกรียบการสชาติแบบไทยๆ
17. งาดำผสมในมันบดแบบฝรั่ง
18. งาดำโรยหน้าหมูทอดของโปรดคุณ
19. งาดำโรยหน้าไข่ดาว หมูแฮมกินตอนเช้า
20. น้ำเชื่อมงาดำใช้ราดขนมหวานต่างๆ
คำแนะนำพิเศษ
งาดำที่คั่วจนสุกแล้วจะให้ปริมาณวิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มากกว่าในงาดำดิบ ดังนั้นก่อนนำมาใช้คุณควรให้แน่ใจว่างานั้นสุกดีแล้ว และในการคั่วงาเองนั้นคุณควรใช้ไฟอ่อนๆ คั่วเพื่อให้งาสุกทั่วถึง หากใช้ไฟ แรงบางส่วนก็จะไหม้ แต่อีกส่วนอาจจะยังดิบอยู่ อย่าลืมว่างาดำมักจะมีเศษสิ่งสกปรกตกค้างมากมายติดมาด้วย เช่น กรวด ดิน ทราย ฝุ่น ไข่แมลง ตัวแมลง ใบไม้ใบหญ้า คุณจึงควรด หรือนำสิ่งเหล่านี้ออกให้หมดเสียก่อน จะได้กินงาดำได้อย่างปลอดภัย และได้ประโยชน์ที่สุด