โรคหวัด
การต่อสู้กับไข้หวัดที่เกิดในช่วงฤดูหนาว
การวิจัยชิ้นหนึ่งได้ชี้ให้เห็นว่า เพื่อที่จะลดอาการไข้หวัดที่ เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวคือการตีกลอง อาจจะฟังดูแปลกและน่า ขบขันสำหรับหลาย ๆ คน อย่างไรก็ตาม การวิจัยได้แบ่งอาสาสมัคร ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้ฝึกการตีกลองตลอดช่วงฤดูหนาว ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งดำรงชีวิตตามปกติ จากการทดลองพบว่า อาสาสมัครที่ฝึกหัดตีกลองตลอดช่วงฤดูหนาว มีอัตราการล้มป่วย ด้วยไข้หวัดน้อยกว่ากลุ่มที่ปฏิบัติตัวตามปกติ วิธีการรักษาความ แข็งแกร่งของร่างกายเช่นนี้มิได้เพิ่งถูกค้นพบแต่อย่างใด เพราะ ได้มีการบอกเล่าและปฏิบัติสืบต่อมาเป็นเวลานานนับศตวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศหนาวที่ต้องพบกับอากาศหนาวเป็นระยะเวลานาน และจะหนาวมากยิ่งขึ้นในช่วงฤดูหนาว การตีกลองจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซลล์ที่ทำหน้าที่ในการขจัดไวรัสและมะเร็งที่ร่างกายสร้างขึ้นมา เองตามธรรมชาติ (Natural Killer Cells) นอกจากนั้น ยังมี การนำการตีกลองมาใช้บำบัดอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่มี อาการเพ้อฝัน (Autism) และผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) ได้อีกด้วย
การป้องกันหวัด
ความเครียดและอากาศหนาวเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ เปิดโอกาสให้ไวรัสเข้ามา จู่โจมร่างกายได้ง่ายยิ่งขึ้น ยังผลให้ร่างกายล้มป่วยได้ในที่สุด เพื่อ ป้องกันอาการหวัดและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอ พึงปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
1. กินวิตามินบีรวม (Multiple B Vitamin Complexes) ซึ่ง มีคุณสมบัติเป็นยาลดความเครียดวันละ 1 เม็ดทุกวัน
2. กินไลซีน (Lysine) ให้มากขึ้น ไลซินเป็นกรดอะมิโนที่ สำคัญชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อโภชนาการของสัตว์และมนุษย์ หาได้จากผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม มันฝรั่ง หรืออาจกินอาหาร เสริมที่มีไลซินแทนก็ได้
3. หลีกเลี่ยงอาหารที่อุดมไปด้วยอาร์จินิน (Arginine) ซึ่ง เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง มักพบในช็อกโกแลต โคล่า ถั่ว ซีเรียล หรือเบียร์
4. กินโยเกิร์ตให้มาก
5. กินอาหารเสริมที่มีสังกะสีวันละเม็ดทุกวัน
วิธีปฏิบัติตัวหากเป็นไข้หวัดแล้ว
- นอนพักผ่อนให้มากหากเป็นไข้ ดื่มน้ำสะอาดให้มาก น้ำสะอาดช่วยชะล้างสิ่งสกปรกรวมไปจนถึงเชื้อโรคที่สะสมตัวอยู่ ตามทางเดินหายใจให้หมดไป และช่วยป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดจากอาการหวัด เช่น หลอดลมอักเสบได้เป็นอย่างด
- กินยาแอสไพริน (Aspirin) แอสซิตามิโนเฟน (Acetami nophen) ไอบิวโพรเฟน (Ibuprofen) หรือ นาโพรเซน โซเดียม (Naproxen Sodium) เพื่อรักษาอาการเจ็บปวดตามกล้ามเนื้อ อันเนื่องมาจากอาการไข้
- **ข้อควรระวัง อย่าใช้ยาแอสไพรินหรือยาใด ๆ ที่มีส่วนผสม ของซาลิไซเลตส์ (Salicylates) กับผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า 19 ปี จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากแพทย์ผู้ชำนาญการ เนื่องจากยาดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรย์ส ซินโดรม (Reyes Syndrome) ซึ่งเป็นอาการที่รุนแรงจนอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
- ใช้น้ำเกลือหยอดจมูกเพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก สามารถ ทำได้โดยการนำเกลือ 1/2 ช้อนชาผสมเข้ากับน้ำอุ่น 1 ถ้วย คน ให้ละลายเข้ากันดี ใช้ช้อนและภาชนะที่สะอาด หยอดน้ำเกลือ ลงไปในรูจมูกวันละหลายๆ ครั้ง ด้วยดรอปเปอร์ที่สะอาด จะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกให้ทุเลาลงได้
- หากมีอาการเจ็บคอ ให้กลั้วคอด้วยน้ำเกลือเจือจาง โดย การนำเกลือ 1/4 ช้อนชาละลายในน้ำอุ่น 1/2 ถ้วย ทำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงจะช่วยลดอาการเจ็บคอให้ทุเลาลงได้
- ดื่มชาผสมน้ำมะนาว (อาจผสมน้ำผึ้งหรือไม่ก็ได้)
- อมลูกอมหรือยาอมที่มีส่วนผสมของตัวยาที่ช่วยลดอาการ ระคายคอหรือเจ็บคอบ่อย ๆ (อย่าใช้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ)
- ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นเพื่อช่วยเพิ่มระดับความชื้นภายในห้อง ให้มากยิ่งขึ้น
- ปรึกษาแพทย์ก่อนกินยาอมที่มีส่วนผสมของวิตามินซีหรือ สังกะสี เนื่องจากยาอมเหล่านี้มีสรรคุณในการบรรเทาอาการเจ็บ คอของผู้ที่เป็นไข้หวัดให้ทุเลาลง
การป้องกันการติดหวัด
1. ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ หรือ เกาจมูก ตา หรือปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคที่อาจติดอยู่ตามมือ
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วยที่เป็นโรคหวัด รวมไปจนถึงของใช้ ส่วนตัวของผู้ป่วยดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 วันแรก ของการป่วย เนื่องจากเป็นช่วงที่เชื้อหวัดสามารถกระจายตัวไป ติดคนรอบข้างได้ง่ายที่สุด
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ และ นอนหลับให้เพียงพอ
ํััํ4. ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือทิชชูทุกครั้งที่จาม ไอ หรือส่งน้ำมูก จะ ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปสู่คนรอบข้างได้ และไม่ ควรลืมที่จะทิ้งทิชชูที่ใช้แล้วให้เป็นที่เป็นทางเพื่อลดการกระจาย ตัวของเชื้อโรค
5. ใช้เครื่องสร้างความชื้นในห้องนอนในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็น ช่วงที่อากาศแห้ง เพื่อเพิ่มระดับความชื้นภายในห้องให้มีมากขึ้น
วิธีรักษาอาการหวัด
1. กินอาหารที่มีไลซีน (Lysine) ให้มากขึ้น ซึ่งจะหาได้ จากผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม มันฝรั่ง หรืออาจกินอาหารเสริมที่มี ส่วนผสมของไลซีนโดยตรงเลยก็ได้
2. หลีกเลี่ยงอาหารที่อุดมไปด้วยอาร์จินิน (Arginine) เช่น ช็อกโกแลต โคล่า ถั่ว ซีเรียล หรือเบียร์ เพราะจะยิ่งทำให้ อาการหวัดที่เป็นอยู่รุนแรงมากยิ่งขึ้น3. เปลี่ยนแปรงสีฟันเนื่องจากเป็นแหล่งสะสมเชื้อไวรัส หาก ยังคงดันหลังใช้แปรงอันเดิม เชื้อโรคที่สะสมอยู่ในขนแปรงอาจ เป็นสาเหตุให้อาการหวัดที่เป็นอยู่ไม่หายหรือทุเลาลง
4. ใช้ยาสีฟันหลอดเล็กแทนยาสีฟันหลอดใหญ่ เนื่องจาก ในช่วงที่เป็นหวัด ยาสีฟันหลอดใหญ่อาจมีโอกาสติดเชื้อโรคจาก แปรงสีฟันได้
อาการไข้หวัดที่สังเกตได้
จาม น้ำมูกไหล มีไข้สูง 101 องศาฟาเรนไฮต์ หรือน้อย กว่านั้น เจ็บคอ ไอแห้งๆ
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับไข้หวัด
คนส่วนใหญ่ติดเชื้อหวัดด้วยการหายใจเอาเชื้อไวรัสจากผู้ ป่วยที่เป็นหวัดเข้าไป หรือสัมผัสกับผู้ป่วยจนเชื้อโรคดังกล่าว ติดตามมือจนทำให้ร่างกายได้รับเชื้อโรคและล้มป่วยได้ในที่สุด ตรงข้ามกับความคิดของคนส่วนใหญ่ อากาศเย็นไม่อาจทำให้เรามีโอกาสติดเชื้อหวัดได้มากขึ้น แต่อากาศที่แห้งต่างหากที่ทำให้คน เรามีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เราสามารถติดหวัดได้อย่างไร?
อาการหวัดโดยทั่วไปจะอยู่นาน 2-7 วัน และโดยเฉลี่ยแล้ว คนคนหนึ่งสามารถติดหวัดได้ 3-4 ครั้งต่อปี โรคหวัดมีสาเหตุมา จากการติดเชื้อไวรัส เราสามารถติดเชื้อหวัดจากน้ำเมือกของผู้ป่วย ที่เป็นโรคหวัด นอกจากนั้นเรายังสามารถติดเชื้อไวรัสได้จากการ สัมผัสกับเนื้อตัว รวมไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ป่วย ที่มีเชื้อไวรัสติดอยู่ เช่น ผ้าขนหนู โทรศัพท์ หรือแม้แต่ธนบัตร และเหรียญเงิน หากไม่ระวังให้ดี โรคหวัดดังกล่าวอาจแพร่ กระจายจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งไม่มีที่สิ้นสุด
วิธีจัดการกับไข้หวัด
สิ่งที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้คือคำแนะนำในการปฏิบัติตัวในช่วง ที่เป็นไข้หวัด ด้วยการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำดังกล่าว อาการ ไข้ที่คุณเป็นอยู่จะค่อย ๆ ทุเลาและหายเป็นปกติในที่สุด
อาการ : ไข้ การออกกำลังกายในโรงยิมที่มีการปรับอุณหภูมิ ให้สูงกว่าอุณหภูมิปกติอาจทำให้คุณหน้ามืดเป็นลมได้
อาการ : ไอ การออกกำลังกายอาจเพิ่มความเสี่ยงในการ ขาดน้ำให้กับคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการไอ รุนแรงหรือมีไข้สูง แต่ถ้าคุณนึกอยากออกกำลังกายจริงๆ ให้ ออกเพียงเล็กน้อยและเบา ๆ เท่านั้น
อาการ : น้ำมูกไหล หรือมีอาการจาม คุณสามารถออก กำลังกายได้ หากอาการหวัดที่คุณเป็นอยู่ปรากฏในตำแหน่งที่ อยู่เหนือคอขึ้นไป
อาการ : ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ อาเจียน ท้องร่วง หนาวสั่น ต่อมตามร่างกายบวม หากมีอาการดังกล่าว ให้นอน พักให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มิฉะนั้นอาการป่วยดังกล่าว อาจกลับมาอีก
พอลลิติน POLLITIN ช่วยดูแลเกี่ยวกับไข้หวัดได้อย่างไร
Pollitin พอลลิติน เป็นสารสกัดธรรมชาติคุณภาพสูง จากอณูละอองเกสรดอกไม้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น NUTRACEUTICAL หรือสารอาหารบำบัด Pollitin มีการจำหน่ายไปกว่า 50 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก ยาวนานกว่า 50 ปี ขั้นตอนการผลิต เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก ได้รับค่า มาตรฐานเฉพาะผลิตภัณฑ์ระดับโลก คือ ORAC หรือ ค่าระดับความเข้มข้นของสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สูงมาก ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีอยู่เกือบ 100%
เกสรดอกไม้สกัดจากข้าวไรย์ (Secale cereal) มีสารอาหารระดับเซลล์จากธรรมชาติและออร์แกนิกที่ให้สารอาหารครบถ้วน อาทิ กรดอะมิโนที่จำเป็น กรดไขมันไม่อิ่มตัว เอนไซม์ วิตามิน แคโรทีนอยด์ แร่ธาตุ ไฟโตสเตอรอล และฟลาโวนอยด์
✔︎ มีส่วนช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินแร่ธาตุและธาตุจากอาหารที่บริโภค
✔︎ มีส่วนช่วยเพิ่มเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระ
✔︎ มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนเพื่อส่งเสริมการทำงานที่ดีต่อสุขภาพ
✔︎ มีส่วนช่วยให้สารอาหารที่สำคัญแก่ร่างกายและเซลล์
วิตามินซี: มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน และเนื้อเยื่อของเอ็นกระดูกอ่อน
วิตามินบี 6: มีส่วนช่วยสร้างให้เม็ดเลือดแดงสมบูรณ์ มีส่วนช่วยสร้างสารที่จำเป็นในการทำงานของระบบประสาท
วิตามินบี 3: ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน
วิตามินบี 1: มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
การทานพอลลิตินเป็นประจำวันละครั้ง จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ ได้สมบูรณ์อยู่เสมอและจะช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงไม่เป็นหวัด ไม่เจ็บป่วยง่าย