ไฮไลท์
โรคภูมิแพ้ เป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ที่เข้าไปในร่างกาย โดยร่างกายจะหลั่งสารเคมีบางชนิด แล้วทำให้ร่างกายตอบสนองในลักษณะต่าง ๆ กัน เช่น มีน้ำมูก คัดจมูก มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง คันในตา เป็นต้น
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า

โรคภูมิแพ้ (Allergy) เป็นโรคที่ผู้ป่วยมีอาการแพ้ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูก น้ำตาไหล คันรอบดวงตา ระคายเคืองทั่วใบหน้า มีผดผื่นคันแดงตามผิวหนัง ผิวหนังลอกอักเสบ หรืออาจแพ้รุนแรงถึงขั้นท้องร่วง แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกหลังจากที่ได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในร่างกาย ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีอาการแพ้ต่อสารแตกต่างกันไป เพราะโดยทั่วไปแล้ว สารส่วนใหญ่ที่ผู้ป่วยแพ้ เป็นสารที่ไม่ทำปฏิกิริยาหรือเป็นอันตรายต่อร่างกายคนส่วนใหญ่ แต่จะทำให้เกิดการเจ็บป่วยต่อผู้ที่แพ้เท่านั้น

โรคนี้เป็นโรคยอดนิยมที่พบในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยมลภาวะที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ฝุ่น ควัน สารพิษ ขยะ น้ำเน่าเสีย สิ่งเหล่านี้ล้วนเพิ่มความเสี่ยงให้ระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายต้องทำงานเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการป่วยด้วยโรคภูมิแพ้มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

อาการของโรคภูมิแพ้

สภาพร่างกายที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละคนมีโอกาสเกิดอาการแพ้ต่อสิ่งต่าง ๆ แตกต่างกันไปด้วย โดยอาการที่เกิดจากภูมิแพ้อาหาร แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ

  • IgE Mediated Reaction เกิดอาการแพ้เฉียบพลันทันทีที่ได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย
  • Non IgE Mediated Reaction ค่อย ๆ เกิดอาการภายหลังได้รับสารก่อภูมิแพ้ประมาณ 4  ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น

 

ส่วนอาการแพ้ต่อสารที่พบมากในปัจจุบัน ได้แก่ ภูมิแพ้อากาศ ภูมิแพ้ผิวหนัง ภูมิแพ้อาหาร ภูมิแพ้แมลงสัตว์กัดต่อย ซึ่งแต่ละโรคเกิดจากสาเหตุและแสดงอาการที่แตกต่างกันไป 

เงื่อนไขอื่นๆ

ภูมิแพ้อาหาร 

อาการสำคัญของผู้ที่แพ้อาหาร มักจะเกิดขึ้นกับระบบหายใจและระบบทางเดินอาหาร เช่น ไอ จาม น้ำตาไหล คัดจมูก มีอาการบวมแดงหรือคันบริเวณปาก ลิ้น ลำคอ หน้าซีด ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว รู้สึกอ่อนล้า หมดแรง หายใจลำบาก ความดันลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ เป็นลมพิษ มีผื่นแดงคันขึ้นทั่วตัว ปวดท้อง ท้องเสีย ขับถ่ายเป็นมูกหรือมีเลือดปน

แม้จะมีอาการแสดงบางอย่างที่ใกล้เคียงกับโรคอาหารเป็นพิษ (Food Poisoning)  แต่การแพ้อาหารจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ร่างกายแพ้สารก่อภูมิแพ้ในอาหารชนิดนั้นเท่านั้น คนทั่วไปจะไม่ปรากฏอาการดังกล่าว ในขณะที่โรคอาหารเป็นพิษเกิดจากอาหารที่เจือปนเชื้อโรคหรือสารพิษ และทำปฏิกิริยาต่อร่างกายคนทั่วไปด้วย ทั้งนี้ การวินิจฉัยจะเป็นไปตามขั้นตอน เช่น การตรวจสอบประวัติการแพ้ของผู้ป่วย และตรวจสอบว่าผู้ที่รับประทานอาหารชนิดเดียวกันเกิดอาการเดียวกันหรือไม่ 

ภูมิแพ้อากาศหรือภูมิแพ้จมูก 

ภูมิแพ้ชนิดนี้จะมีอาการที่เกิดกับจมูก บริเวณโพรงจมูก และอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก หลังผู้ป่วยหายใจเอาสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะขับสารเพื่อทำปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งทำให้เกิดอาการแพ้ คือ จามบ่อย คันและมีการอักเสบบวมทั่วใบหน้า รอบดวงตา จมูก ปาก และลำคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล มีเสมหะ หายใจไม่ออก หอบหืด ไอ เจ็บคอ หูอื้อ ตาแดง ประสาทรับกลิ่นทำงานได้แย่ลง และอาจมีไข้ร่วมด้วย

ภูมิแพ้ผิวหนัง 

ผู้ป่วยจะเกิดอาการแพ้ที่ผิวหนังบริเวณที่ได้รับสารก่อภูมิแพ้ โดยจะเกิดการคัน มีผื่นแดง มีรอยนูนแดง หรือตุ่มบวมอักเสบ เป็นแผลหรือผิวลอกออกได้ง่ายเมื่อเกา อาจลุกลามอักเสบเป็นวงกว้าง

ภูมิแพ้ตา 

อาการแพ้นี้จะแสดงออกทางดวงตา เช่น คันหรือระคายเคืองบริเวณดวงตา แสบตา ตาแดง ตาบวม เปลือกตาอักเสบบวม มีน้ำตาไหล รู้สึกเหมือนมีก้อนหรือสะเก็ดเม็ดทรายติดอยู่ในดวงตา ตามีความอ่อนแอ ไวต่อแสง แสงจ้าหรือแม้แต่แสงสว่างปกติก็อาจสร้างความลำบากในการมองเห็น สร้างความรำคาญใจและรบกวนทัศนวิสัยในการมองเห็น 

แม้ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นจะคล้ายกับอาการของผู้ป่วยโรคตาแดง แต่โรคภูมิแพ้ตาไม่ใช่โรคติดต่อ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคอย่างไวรัสหรือแบคทีเรีย แต่เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ที่จะทำปฏิกิริยาต่อผู้ที่แพ้เท่านั้น 

สาเหตุของโรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้เกิดจากการที่ร่างกายผลิตภูมิคุ้มกันเพื่อขจัดสิ่งแปลกปลอมที่รับเข้ามาด้วยการขับสารภูมิต้านทานออกมาต้านสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น และสารภูมิต้านทานนั้นก็ก่อให้เกิดการอักเสบและอาการแพ้แก่ร่างกายด้วย การเกิดโรคภูมิแพ้เป็นเหตุมาจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ทำงานมากเกินไป ทำให้เกิดอาการแพ้ต่อบางสิ่งที่อาจไม่เป็นอันตรายต่อคนทั่วไป แต่เป็นอันตรายต่อตัวบุคคลที่แพ้เท่านั้น

สารที่ร่างกายรับเข้ามาและกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ในลักษณะต่าง ๆ เรียกว่า “สารก่อภูมิแพ้” โดยร่างกายจะมีปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ด้วยการแสดงอาการแพ้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยสารภูมิต้านทานซึ่งเป็นโปรตีนที่อยู่ในเลือด มีหน้าที่คอยป้องกัน รวมทั้งขจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ทำปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้บางชนิดที่ผู้ป่วยแพ้

ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อาหารส่วนใหญ่ มักแพ้อาหารจำพวกไข่ นม ถั่ว ปลาและอาหารทะเล การแพ้อาหารจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีร่างกายแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ในอาหารชนิดนั้นเท่านั้น ผู้ที่ไม่ได้ป่วยจะไม่ปรากฏอาการแพ้

สารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยจากภูมิแพ้จมูกหรือภูมิแพ้อากาศ มักมาจากไรฝุ่น เชื้อรา หญ้า ละอองเกสร ขนสัตว์ ที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศและเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจ

สารก่อภูมิแพ้ที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังมีหลายชนิด เช่น สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ถุงมือยาง ยาย้อมสีผม โลหะ เงิน เป็นต้น

ภูมิแพ้ตา มักเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ประเภทไรฝุ่น ควัน สารเคมี ละอองเกสร ขนหรือสะเก็ดผิวหนังของสัตว์ที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศและกระแสลม เข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อบุดวงตา ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและมีอาการแพ้ที่แสดงออกทางดวงตาในหลายรูปแบบ

การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้

เพื่อตรวจหาโรคภูมิแพ้และหาแนวทางการรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม แพทย์จะวินิจฉัยตามกระบวนการเหล่านี้

ซักประวัติ

ในการตรวจเบื้องต้น แพทย์จะซักประวัติและอาการแพ้ของผู้ป่วย แพทย์ต้องทราบสภาพแวดล้อมบริเวณถิ่นที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ที่ทำงาน เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเกิดภูมิแพ้ รวมทั้งซักประวัติการแพ้ในอดีตของผู้ป่วย หรือมีญาติใกล้ชิดที่ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้

ตรวจร่างกาย

แพทย์จะตรวจร่างกายภายนอกว่ามีอาการแสดงใดบ้างที่บ่งชี้ถึงโรคภูมิแพ้ ได้แก่ ตา จมูก ลำคอ ช่วงอก และผิวหนังทั่วไป ในบางรายอาจต้องตรวจการทำงานของปอดด้วยเครื่องเป่าลม หรืออาจต้องเอกซเรย์เพื่อดูการทำงานของปอดร่วมด้วย

ชุดทดสอบภูมิแพ้

แพทย์จะใช้ชุดทดสอบภูมิแพ้เพื่อทดสอบอาการแพ้ของผู้ป่วย ชุดทดสอบที่นำมาใช้ในการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ คือ การสะกิดผิวหนังแล้วหยดสารก่อภูมิแพ้ (Skin Prick Test) การฉีดสารก่อภูมิแพ้ (Skin Injection Test) และ การติดแผ่นทดสอบสารก่อภูมิแพ้ (Patch Test) 

  • Skin Prick Test เป็นชุดทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง แพทย์จะใช้ปลายเข็มสะกิดบริเวณผิวหนัง เช่น ที่ปลายแขน แล้วหยดหรือทาสารก่อภูมิแพ้ลงไปเล็กน้อย หากผู้ป่วยแพ้ต่อสารใด บริเวณที่ถูกสารนั้นจะมีตุ่มนูนแดงปรากฏขึ้นมาภายในเวลาประมาณ 15 นาที
  • Skin Injection Test แพทย์จะฉีดสารก่อภูมิแพ้ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายเข้าสู่ผิวหนัง แล้วรอดูผลว่ามีอาการแพ้ต่อสารใดหรือไม่ประมาณ 15 นาที
  • Patch Test เป็นชุดทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังเช่นกัน โดยแพทย์จะติดแผ่นทดสอบซึ่งมีสารก่อภูมิแพ้หลายชนิดหลาย ๆ แผ่นลงบนผิวหนังบริเวณผิวหนัง ผู้ป่วยต้องระมัดระวังในการทำกิจกรรม ไม่ให้มีเหงื่อไหลหรือไม่ให้มีของเหลวโดนแผ่นทดสอบเป็นเวลา 2 วัน แล้วจึงกลับมาพบแพทย์เพื่อดูผลการทดสอบ

การรักษาโรคภูมิแพ้

ผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีอาการแพ้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง ส่วนผู้ที่มีประวัติโรคภูมิแพ้ ควรใช้ยาภายใต้คำสั่งหรือการแนะนำของแพทย์อยู่เสมอ และรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการแพ้ที่รุนแรง

ด้านการรักษาด้วยยา ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะได้รับยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine) ป้องกันไม่ให้สารฮิสตามีนทำงาน ซึ่งฮิสตามีนเป็นสารที่หลั่งเมื่อมีสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย โดยสารนี้จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้และอักเสบที่อวัยวะต่าง ๆ อย่างการเกิดผื่นคัน ผื่นแดงตามผิวหนัง ยาอะดรีนาลีน (Adrenaline) ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงและมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ จะช่วยลดอาการบวมของกล่องเสียงและหลอดลมที่เป็นเหตุทำให้หายใจติดขัด ส่วนใหญ่ใช้ในรูปแบบการฉีดตัวยาเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ยาแก้คัดจมูก (Decongestants) ใช้ลดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก ช่วยลดอาการคัดจมูกและการหายใจติดขัด มีทั้งรูปแบบหยอดจมูกและยาเม็ดรับประทาน ยาพ่นสเตียรอยด์ลดอาการอักเสบ อาการบวมและการเกิดน้ำมูกอุดตันในโพรงจมูก และยาทาสเตียรอยด์รูปแบบครีมที่ใช้ทาผิวหนังบริเวณที่มีอาการแพ้และมีผดผื่นคัน ตัวยาจะช่วยลดการอักเสบของผิวหนังและช่วยไม่ให้ผดผื่นคันขยายไปเป็นวงกว้าง

นอกจากนี้ ยังมีวิธีภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เป็นการรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ด้วยการฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปปริมาณเล็กน้อย ทำให้ร่างกายค่อย ๆ คุ้นเคยกับสารและทำให้การแพ้สารนั้นทุเลาลงจนหายขาด เป็นวิธีการฉีดสารก่อภูมิแพ้อย่างต่อเนื่องตามขั้นตอน ผู้ป่วยต้องเข้ารับการฉีดสารเป็นระยะอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานตามความรุนแรงของอาการแพ้และตามสภาพร่างกายของผู้ป่วย

ภาวะแทรกซ้อนของโรคภูมิแพ้

ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อาจต้องเผชิญกับอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ หรือมีความเสี่ยงในการป่วยด้วยโรคอื่นเพิ่มมากขึ้น เช่น

โรคภูมิแพ้ขั้นรุนแรง (Anaphylaxis)

ผู้ป่วยจะมีอาการแพ้ที่รุนแรงขึ้น เช่น มีผื่นขึ้นเต็มตัวและมีอาการคันตลอดเวลา เป็นลมพิษ หน้าซีดหรือหน้าแดง คอบวม แน่นหน้าอก หายใจติดขัด อาเจียน ท้องร่วง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยที่แพ้อาหาร แพ้แมลง และแพ้ยา

โรคหอบหืด 

ผู้ป่วยที่เป็นภูมิแพ้จะมีโอกาสเป็นโรคหอบหืดมากกว่าคนทั่วไป โดยมีอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อย หายใจเสียงดัง ไอ แน่นหน้าอกหรือเจ็บที่หน้าอก มีปัญหาในการนอนเนื่องจากการหายใจที่ผิดปกติ ทำให้นอนยากหรือนอนแล้วรู้สึกตัวขึ้นกลางดึก หอบหืดเกิดจากมีสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในปอด ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ หลอดลมอักเสบ พบมากในผู้ป่วยภูมิแพ้อากาศซึ่งเป็นการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจโดยตรง

ไซนัสอักเสบ

ไซนัสอักเสบเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบมากในผู้ป่วยภูมิแพ้อากาศ โดยจะมีอาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก รอบตา หัวคิ้ว ข้างจมูก คัดจมูก มีน้ำมูกและเสมหะสีเขียวข้น ไอ มีไข้ หายใจลำบาก 

นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อาจมีอาการป่วยและโรคแทรกซ้อนอย่างอื่นอีก เช่น ผิวหนังอักเสบ กลาก การติดเชื้อในหูชั้นกลาง การติดเชื้อในปอด เป็นต้น

การป้องกันโรคภูมิแพ้

การลดความเสี่ยงในการเกิดโรค คือ การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอ และหมั่นตรวจเช็คสุขภาพประจำปี

 

โรคภูมิแพ้เป็นโรคไม่ติดต่อและจะเกิดกับผู้ที่ร่างกายแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้เท่านั้น ดังนั้น การป้องกันส่วนใหญ่จึงเป็นวิธีการสำหรับผู้ป่วยที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ หรือไม่ให้อาการแพ้นั้นกำเริบรุนแรง ดังนี้

หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ 

หากป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเผชิญกับสิ่งที่มีสารที่ตนแพ้ เช่น ผู้ป่วยที่แพ้อาหารทะเล ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำมาจากสัตว์ทะเลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหารแปรรูป อาหารสด หรืออาหารแห้ง ผู้ที่แพ้ฝุ่นควรหลีกเลี่ยงการเดินทางบนท้องถนนที่มีฝุ่นควัน ไม่ลดกระจกลงขณะโดยสารอยู่บนรถ หลีกเลี่ยงการเดินผ่านเขตบริเวณที่มีการก่อสร้าง และดูแลรักษาความสะอาดภายในบ้านและห้องนอน ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก แสงแดดเข้าถึง เพื่อป้องกันการสะสมฝุ่นและไรฝุ่นที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้

Tags

วิธีการชำระเงิน

การชำระเงินค่าสินค้า มี 2 แบบนะคะคุณลูกค้า

1. โอนเข้าบัญชีธนาคารที่แจ้งเลขบัญชีไว้ 
2. ถ้าต้องการใช้บริการ COD เก็บเงินปลายทาง ให้คุณลูกค้าโทรแจ้งที่เบอร์นี้ได้เลยค่ะ โทร. 0652636614 , 0955156354
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขา0134 สะสมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านPeekaishop
Peekaishop
ศูนย์จัดจำหน่ายอาหารเสริมและเครื่องสำอาง Pollitin เป็นสารสกัดธรรมชาติคุณภาพสูง จากอณูละอองเกสรดอกไม้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น NUTRACEUTICAL หรือสารอาหารบำบัด Pollitin มีการจำหน่ายไปกว่า 50 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก ยาวนานกว่า 50 ปี ขั้นตอนการผลิต เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก ได้รับค่า มาตรฐานเฉพาะผลิตภัณฑ์ระดับโลก คือ ORAC หรือ ค่าระดับความเข้มข้นของสารต้านอนุมูลอิสระ และค่า CAP-e Test หรือ ค่าความสามารถในการดูดซึมเข้าสู่เม็ดเลือดแดง ที่สูงมาก ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีอยู่เกือบ 100% Pollitin ต้านอนุมูลอิสระ, เอนไซม์, กรดไขมันอิ่มตัว, สารที่เป็นตัวตั้งต้นในการสังเคราะห์โปรสตาแกรนติน ดังนั้น ละอองเกสรจึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับใช้เพื่อประโยชน์ในการทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์, มีฤทธิ์บรรเทาอาการอ่อนเพลีย, ช่วยลดอาการซึมเศร้า, ทำให้ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารถูกแก้ไขให้ดีขึ้น, มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิด, มีคุณสมบัติในการป้องกันและต่อต้านมะเร็งบางชนิด และมีผลเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย บริษัท Graminex จึงได้ศึกษาวิจัยและคิดค้นวิธีการผลิต ผลิตภัณฑ์ละอองเกสรดอกไม้ โดยเริ่มจาการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์พืชไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง และสารกำจัดวัชพืช และขั้นตอนสุดท้ายทำการเก็บเกี่ยวละอองเกสรดอกไม้ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย แล้วทำการสกัดละอองเกสรโดยกระบวการที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ และกรองโดยวิธีเทคนิค ทำให้ปราศจากเชื้อ เพื่อกำจัดสารปนเปื้อน และกำจัดสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ และควบคุมคุณภาพด้วยการวิเคราะห์ความเข้มสารออกฤทธิ์, ขบวนการผลิต, ความคงตัวของผลิตภัณฑ์เพื่อกำหนดว้นหมดอายุของผลิตภัณฑ์, ควบคุมคุณภาพคุณสมบัติทางกายภาพ และคุณสมบัติทางเคมี ตลอดจนการประเมินผลระบบการบรรจุและภาชนะบรรจุภัณฑ์ ซึ่งขั้นตอนการผลิตทั้งหมดได้ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9002 และโรงงาน Graminex ได้ผ่านการรับรองขบวนการผลิตตามมาตรฐานสากล GMP รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นเภสัชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Pollitin ยังได้รับรางวัล E-Award สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารส่งออกดีเยี่ยมของมลรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา สารสกัดเกสรดอกไม้ G63 สารสกัดจากเกสรดอกไม้ ST6 มีค่า ORAC ในระดับที่สูงมากเกินกว่าที่พบในเกสรผึ้งและผักและผลไม้หลายชนิด สารสกัดจากเกสรดอกไม้ G63 ประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นมากกว่า 39 ชนิดที่ร่างกายต้องการในการต้านทานและขจัดสารพิษต่างๆ และอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย เกสรดอกไม้ G63 เก็บเกี่ยวโดยตรงจากพืชพันธุ์เฉพาะและนำมาผ่านกระบวนการทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งช่วยขจัดสารปนเปื้อนและสิ่งเจือปนต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากกระบวนการของเกสรผึ้ง นอกจากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว สารสกัดจากเกสรดอกไม้ G63 ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพโดยช่วยเพิ่มพลังงาน ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ได้แก่ กรดอะมิโนที่จำเป็น กรดไขมันไม่อิ่มตัว และเอนไซม์ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุ และจุลธาตุต่างๆ จากอาหารที่บริโภคเข้าไปในแต่ละวันช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน การเผาผลาญไขมัน ระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และการทำงานของต่อมลูกหมาก สารสกัดจากเกสรข้าวไรย์ประกอบด้วยสารสกัดจากเกสรจากพันธุ์ข้าวไรย์ที่คัดสรรเฉพาะในทุ่งนาที่อุดมสมบูรณ์และมีสัดส่วนการสกัดที่เป็นมาตรฐาน เกสรที่ประกอบด้วยเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้จำเป็นต่อการสืบพันธุ์ของพืช โดยเกสรดอกไม้ถือเป็นอาหารของผึ้ง และเป็นอาหารเสริมที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่งเป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว โดยงานวิจัยส่วนใหญ่ชี้ว่าเกสรดอกไม้เป็นแหล่งอาหารที่มีความหลากหลายและน่าทึ่งที่สุดอีกทั้งยังมีคุณประโยชน์อันโดดเด่น สารสกัดจากเกสรดอกไม้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและจิตใจ กระตุ้นการทำงานของกลไกต้านทานโรคต่างๆ ของร่างกาย และมีฤทธิ์เป็นยาบำรุง สารสกัดดังกล่าวยังกระตุ้นการทำงานของร่างกายโดยปรับร่างกายให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ทำให้ร่างกายและจิตใจมีการตอบสนองต่อปฏิกิริยาต่างๆ และจัดการสถานการณ์เฉพาะหน้าต่างๆ ได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานที่ชี้ว่า สารสกัดจากเกสรดอกไม้มีสรรพคุณด้านการบำบัดโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการนำมาใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสและแบคทีเรีย กล่าวโดยสรุปคือสารสกัดจากเกสรดอกไม้มีสรรพคุณดังนี้ - มีฤทธิ์เป็นยาบำรุงสำหรับทุกเพศทุกวัย - เพิ่มความต้านทานการติดเชื้อของร่างกาย - มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ - ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วจากไข้หวัดใหญ่ โรคต่างๆ ในเด็ก ต่อมลูกหมากอักเสบ และโรคหนองในเทียม - ยับยั้งผลกระทบจากสารพิษสเตรปโคคอคคัส - กระตุ้นการรักษาอาการแผลบาดเจ็บและกระดูกหัก - ลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีและโคบอลต์ - บรรเทาอาการปวดและช่วยการเคลื่อนไหวในรายที่ป่วยเป็นโรคข้อเสื่อม - บรรเทาอาการที่ไม่พึงประสงค์ในวัยหมดประจำเดือน - กระตุ้นความอยากอาหารและลดความอ่อนเพลียในเด็ก - เพิ่มความแข็งแรง ประสิทธิภาพด้านจิตใจ และสมาธิในผู้สูงอายุ - บรรเทาความอ่อนเพลียและเพิ่มความอยากอาหารในผู้สูงอายุ • เพิ่มความต้องการทางเพศในผู้สูงอายุ สารสกัดเกสรดอกไม้ Graminex ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ปราศจากกลูเต็น เปลือกหุ้มด้านนอกของเกสรดอกไม้มีผิวด้านนอกที่ช่วยปกป้องแร่ธาตุที่มีสารอาหารจำเป็นต่างๆ ที่ประกอบอยู่ในเกสรดอกไม้ ส่วนของผิวด้านนอกที่มีสารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ เส้นขน เชื้อรา ยีตส์ ราอื่นๆ ละอองเรณูมีรูขนาดเล็กมากที่เมื่อแตกออกจะช่วยแยกเปลือกหุ้มด้านนอกที่มีสารก่อภูมิแพ้กับสารอาหารที่จำเป็นภายในออกจากกัน จึงทำให้เหลือเพียงสารอาหารที่มีประโยชน์ที่อยู่ภายในเกสรด้านในซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย Graminex ใช้กรรมวิธีการผลิตพิเศษเพื่อทำให้รูขนาดเล็กเหล่านี้แตกออกด้วยกระบวนการสกัดเฉพาะซึ่งไม่ใช้ตัวทำละลาย ละอองเรณูที่แตกออกนั้นจะถูกนำมาปั่นเพื่อแยกส่วนประกอบที่มีประโยชน์ทางโภชนาการออกจากสารก่อภูมิแพ้ จากนั้นจะมีการสกัดสารอาหารในเกสรดอกไม้ตามคุณประโยชน์ด้านโภชนาการ ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปรีไซเคิลและใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ กระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระที่พบในอาหาร แร่ธาตุ และพืชต่างๆ จะระบุได้จากการทดสอบค่า Oxygen Radical Absorbance Capacity หรือค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหาร ซึ่งจะช่วยให้คุณทราบถึงค่า ORAC ของสารอาหารต่างๆ เกสรข้าวไรย์ - อาหารธรรมชาติที่อุดมไปด้วยคุณค่า ละอองเกสรดอกไม้ซึ่งทำหน้าที่สืบพันธุ์หรือเป็นตัวนำเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ไปสู่เกสรเพศเมียถือเป็นต้นกำเนิดแห่งชีวิตที่หล่อเลี้ยงสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ เพื่อให้กระบวนการทำงานที่สำคัญทั้งหลายเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ ธรรมชาติจึงได้เนรมิตสารประกอบที่มีคุณค่าทางโภชนาการในสัดส่วนที่เหมาะสมภายในเรณูของเกสรดอกไม้ เกสรข้าวไรย์พร้อมสารสกัดเกสรดอกไม้เข้มข้น Graminex สารสกัดจากเกสรดอกไม้เป็นความก้าวหน้าด้านโภชนาการอันยิ่งใหญ่ที่สามารถปฏิวัติแนวทางการบำรุงสุขภาพและความสมบูรณ์แข็งแรงของร่ายกายโดยมีผลวิจัยที่ดำเนินต่อเนื่องกว่า 50 ปีและการศึกษาทางคลินิกกว่า 100 ชิ้นรองรับ แพทย์ในประเทศต่างๆ รวมถึงเยอรมนี รัสเซีย และอาร์เจนติน่าได้ใช้สารสกัดจากเกสรดอกไม้ในการเสริมสร้างโภชนาการในผู้ป่วยที่มีปัญหาต่อมลูกหมากหรือกระทั่งเสริมสร้างสมรรถภาพของต่อมลูกหมาก! เกสรข้าวไรย์อาจเป็นสุดยอดวิตามินรวมตามธรรมชาติเพราะประกอบด้วย วิตามิน โปรวิตามินเอ (แคโรทีนอยด์) บี1 ไทอามีน, บี2 ไรโบฟลาวิน, ไนอาซิน, บี6 ไพริด็อกซิน, กรดแพนโทเทนิก, ไบโอติน, บี12 (ไซยาโนโคบาลามิน), กรดโฟลิค, โคลีน, อิโนซิทอล, วิตามินซี, วิตามินดี, วิตามินอี, วิตามินเค, รูทิน กรดไขมัน กรดคาไพรลิก (C-8), คาพริก (C-10), ลอริก (C-12), ไมริสติก (C-14), ไมริสเลอิก (C-14), เพนทาเดคาโนอิก (C-15), ปาลมิติก (C-16), ปาลมิโตเลอิก (C-16), เฮพตาเดคาโนอิก (C-17), สเตียริก (C-18), โอเลอิก (C-18), ไลโนเลอิก (C-18), ไลโนเลนิก (C-18), อะราชิดิก (C-20), อีโคซีโนอิก (C-20), อีโคซาดิเอโนอิก (C-20), อีโคซาทริเอโนอิก (C-20), อะราชิโดนิก (C-20) แร่ธาตุ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซัลเฟอร์ส โซเดียม คลอรีน แมกนีเซียม เหล็ก แมงกานีส ทองแดง ไอโอดีน สังกะสี ซิลิคอน โครเมียม โมลิบดินัม โบรอน ไทเทเนียม โพลาร์ลิพิด เลซิติน, ไลโซเลซิติน, ฟอสโฟอิโนซิตอล, ฟอสฟาติดิลโคลีน นิวทรัลลิพิด โมโนกลีเซอไรด์ส, ไดกลีเซอไรด์ส, ไตรกลีเซอไรด์ส, กรดไขมันอิสระ, สเตอรอล, ไฮโดรคาร์บอน ไฟโตสเตอรอล ฟิวโคสเทอรอล, เบตา-ไซโตสเตอรอล, สติกมาสเตอรอล, คอเลสเตอรอล, แคมเปอสเตอรอล, เอสโทรน กรดอะมิโน อะลานีน, กรดอัลฟา-อะมิโนบิวทิริก, อาร์จินีน, แอสพาราจีน, กรดแอสพาร์ติก, ซิสเตอีน, ซิสตีน, กรดกลูตามิก, กลูตามีน, กลีเซอรีน, ฮิสติดีน, ไฮดรอกซีโพรลีน, ไอโซลิวซีน, ลิวซีน, ไลซีน, เมไทโอนีน, ฟีนิลอะลานิน, โพรลีน, ซีรีน, ทอรีน, ทรีโอนีน, ทริพโตเฟน, ไทโรซีน, วาลีน ฟลาโวนอยด์ เควอซิทิน, ดีไฮโดรเควอซิทิน, นารินเจนีน, กรดพี-คูมาริก, อะพิเจนีน, ไอซอร์แฮมเนทิน, ไมริกซิทิน, คาเอ็มเฟรอล, ดีไฮโดรคาเอ็มเฟรอล, ลูเทโอลีน เกสรข้าวไรย์ส่งเสริมโภชนาการให้กับการทำงานต่างๆ ของร่ายกาย ซึ่งรวมถึงการทำงานของระบบขับถ่ายปัสสาวะและต่อมลูกหมาก ระบบภูมิคุ้มกันและผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนหรือมีประจำเดือน เกสรข้าวไรย์ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ "ที่ช่วยชะลอวัยได้เป็นอย่างดี" และส่งพลังงานตามธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูร่างกายด้วย เกสรข้าวไรย์ใช้เทคโนโลยีของสวิตเซอร์แลนด์เพื่อสีแกลบด้านนอกซึ่งประกอบด้วยสารก่อภูมิแพ้ สารพิษ เชื้อรา และมลพิษต่างๆ ออกไป ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเกสรข้าวไรย์นั้นเป็นเกสรตามธรรมชาติที่สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากสารเคมี! เกสรข้าวไรย์พร้อมสารสกัดเกสรดอกไม้เข้มข้น Graminex ไฮโปอัลเลอร์เจนิค สารสกัดเกสรดอกไม้ในระดับที่ได้ผลดีเช่นเดียวกับการศึกษาทางคลินิก สารสกัดตามมาตรฐาน (20:1) มีอัตราการดูดซึมสูง: ดูดซึมง่าย เทคโนโลยีการสกัดลิขสิทธิ์ของสวิตเซอร์แลนด์ การผลิตโดยไม่ใช้ตัวทำละลาย ปราศจากกลูเต็นและแลคโตส รับประกันความบริสุทธิ์ ผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP จาก NSF® เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมสีเขียวที่ยั่งยืน คุณประโยชน์ของเกสรข้าวไรย์ - ปกป้องความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ คงความสมดุลของน้ำในชั้นผิว - ลดผลกระทบจากการผลัดเซลล์ผิว ยับยั้งการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อที่เกี่ยวพันกัน - ฟื้นฟูสมดุลในชั้นผิว ฟื้นฟูและบำรุงเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ - มีคุณสมบัติในการชะลอวัย ปรับสภาพผิวให้เป็นปกติจากผลกระทบของปัจจัยในการเผาผลาญทางเคมี - ให้พลังงานที่จำเป็นต่อเซลล์ผิว - ปรับสมดุลของสารอาหารเพื่อให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งสดใส - ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อกระบวนการชะลอวัย - สารสกัดจากเกสรดอกไม้ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ - กระตุ้นความต้องการทางเพศทั้งในผู้ชายและผู้หญิง
เบอร์โทร : 0652636614
อีเมล : kaika5684@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม