ไฮไลท์
โรคสะเก็ดเงิน หรือ เรื้อนกวาง เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน (ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงสาเหตุเดียว) เช่น พันธุกรรม ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และปัจจัยกระตุ้นจากภายนอก ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังส่วนนั้นแบ่งตัวเร็วกว่าปกติร่วมกับเกิดการอักเสบจึงเกิดเป็นปื้น (Plaque) หรือเป็นแผ่นหนา แดง คันและตกสะเก็ด มีความเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของระบบภูมิคุ้มกัน กล่าวคือ ลิมโฟไซต์ ชนิด T cells (ปกติจะทำหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อโรค) ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินไป
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า

สาเหตุของโรคสะเก็ดเงิน

โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุในการเกิดที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาเชื่อว่า เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน (ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงสาเหตุเดียว) เช่น พันธุกรรม ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และปัจจัยกระตุ้นจากภายนอก ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังส่วนนั้นแบ่งตัวเร็วกว่าปกติร่วมกับเกิดการอักเสบจึงเกิดเป็นปื้น (Plaque) หรือเป็นแผ่นหนา แดง คันและตกสะเก็ด

ในคนปกตินั้น เซลล์ผิวหนังในชั้นหนังกำพร้าจะมีการงอกใหม่จากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวหนังบนชั้นนอกสุดที่แก่ตัวตายและหลุดออกไปเป็นวัฏจักร โดยเซลล์ผิวหนังที่งอกใหม่จะใช้เวลาเคลื่อนตัวจากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดประมาณ 26 วัน แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินนี้ บริเวณรอยโรคจะมีการแบ่งตัวหรือการงอกของเซลล์ผิวหนังใหม่เร็วกว่าปกติ และใช้เวลาเคลื่อนตัวจากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาชั้นนอกสุดของผิวหนังเพียงประมาณแค่ 4 วัน ทำให้เซลล์ผิวหนังที่แก่ตัวหลุดออกในอัตราความเร็วที่ไม่ทันกับการงอกของเซลล์ใหม่ จึงทำให้เกิดการหนาตัวของผิวหนังกลายเป็นตุ่มหรือปื้น และมีเกล็ดสีเงินปกคลุมซึ่งหลุดลอกออกง่าย

มีการสันนิษฐานว่าความผิดปกติดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของระบบภูมิคุ้มกัน กล่าวคือ ลิมโฟไซต์ ชนิด T cells (ปกติจะทำหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อโรค) ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินไป เมื่อเคลื่อนตัวมาที่ชั้นใต้ผิวหนัง ก็จะทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ กระตุ้นให้เซลล์หนังกำพร้าเกิดการแบ่งตัวและเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผิดปกติ และก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังทั้งในชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้

โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่มีแบบแผนการถ่ายทอดทางพันธุกรรมไม่ชัดเจน โดยพบว่าถ้าบิดาและมารดาเป็นโรคนี้ บุตรที่เกิดมาจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้สูงถึง 65-83% ถ้าบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งเป็นโรค บุตรที่เกิดมาจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ลดลงเหลือ 28-50% หรือถ้ามีพี่น้องในครอบครัวเป็นโรคนี้โดยที่บิดาและมารดาไม่ได้เป็นโรค บุตรคนถัดไปที่เกิดมาก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้สูงถึง 24% แต่ถ้าทั้งบิดาและมารดาไม่เป็นโรคนี้เลย บุตรที่เกิดมาจะมีโอกาสเป็นโรคนี้น้อยลงไปเหลือเพียง 4% โดยลักษณะทางพันธุกรรมนี้เป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานของการเกิดโรค และการเกิดอาการของโรคก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แม้ผู้ป่วยจะมีลักษณะทางพันธุกรรมของโรคสะเก็ดเงินอยู่ก็ตาม แต่ถ้าไม่มีปัจจัยอื่น ๆ มากระตุ้นหรือส่งเสริมมากระทบ ผู้ป่วยก็จะไม่เกิดอาการของโรค ดังนั้นผู้ป่วยแต่ละรายจึงควรสังเกตและพยายามหาให้ได้ว่ามีปัจจัยแวดล้อมอะไรบ้างที่ทำให้โรคกำเริบ แล้วพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้โรคกำเริบ เพราะปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบในผู้ป่วยแต่ละรายนั้นไม่จำเป็นต้องเหมือนกันแต่อย่างใด

ปัจจุบันพบว่ามียีนผิดปกติของโรคนี้อยู่มากกว่า 8 ชนิด ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายจะมียีนผิดปกติที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้มีอาการแสดงได้หลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าผู้ที่มียีนของโรคนี้แฝงอยู่ในร่างกายมีจำนวนถึง 1 ใน 3 ที่ไม่มีอาการ ซึ่งแสดงว่าน่าจะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการ

ปัจจัยกระตุ้นหรือส่งเสริมให้เกิดโรคสะเก็ดเงิน

  • ปัจจัยภายนอกร่างกาย ได้แก่
    • การติดเชื้อ ได้แก่ โรคคออักเสบจากไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตค็อกคัส การติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ส่วนโรคติดเชื้ออื่น ๆ ก็สามารถกระตุ้นให้โรคกำเริบได้เช่นเดียวกัน แต่ความสัมพันธ์อาจไม่ชัดเจนเหมือน 2 โรคดังกล่าว
    • การบาดเจ็บที่ผิวหนัง การแกะเกา ขูด กดเสียดที่ผิวหนัง สามารถทำให้ผื่นของโรคสะเก็ดเงินกำเริบและลุกลามออกไปได้ เราจึงมักพบผื่นของรอยโรคบริเวณศอก เข่า ก้นกบ เพราะเป็นตำแหน่งที่มีการแกะเกาเสียดสีมากที่สุด
    • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคจิตประสาทกลุ่มลิเทียม, ยารักษาโรคมาลาเรีย, ยารักษาโรคหัวใจกลุ่ม Beta adrenergic blocking agent, ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานและชนิดฉีด ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรหลีกเลี่ยงการซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาจีน ยาหม้อ ยาสมุนไพร ยาไทยบางชนิดที่ผสมสเตียรอยด์เข้าไปในส่วนผสมของยา แม้ยาสเตียรอยด์จะช่วยให้อาการของโรคสะเก็ดเงินสงบลงได้ในระยะแรก ๆ ที่ได้รับยา แต่เมื่อใช้ไปในระยะยาวจะมีผลข้างเคียงสูง เช่น กระดูกผุ ความดันโลหิตสูง ทำให้เกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร ทำให้โรคเบาหวานกำเริบ กล้ามเนื้อลีบและอ่อนแรง เป็นต้น
  • ปัจจัยภายในร่างกาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน การเกิดโรคของอวัยวะภายในต่าง ๆ (เช่น โรคตับ โรคไต เป็นต้น) จะส่งผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมต่อผิวหนังด้วยเสมอ ดังนั้น ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินจะมีอาการกำเริบได้เมื่อเกิดโรคกับอวัยวะภายในอื่น ๆ
  • ปัจจัยทางด้านจิตใจ โดยเฉพาะความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ สภาพทางจิตใจของผู้ป่วยมีอิทธิพลต่ออาการของโรคสะเก็ดเงิน โดยพบว่าผู้ป่วยที่มีความเครียด หงุดหงิด โกรธง่าย นอนไม่หลับ ผื่นจะกำเริบแดงขึ้น คันมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยต้องแกะเกา จนส่งผลให้โรคกำเริบขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนมากอาจไม่พบว่ามีสาเหตุอะไรเป็นตัวกระตุ้นก็ได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โรคสะเก็ดเงินกำเริบหรือรุนแรงมากขึ้น

  • ความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น ความวิตกกังวล ความโกรธ ความกลัว หงุดหงิด เร่าร้อน อารมณ์ฉุนเฉียว เพราะความเครียดส่งผลให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำหรือผิดปกติได้
  • การกระทบกระแทก การแกะ เกา กด ขูด ข่วน ถู ดึง ลอก หยิกที่ผิวหนัง ผิวหนังมีบาดแผล และแมลงสัตว์กัดต่อย
  • การแพ้แดดหรือถูกแดดมากเกินไป
  • อากาศที่หนาวเย็น
  • ความอ้วนหรือโรคอ้วน ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุว่าทำไม
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคจิตประสาทกลุ่มลิเทียม, ยาลดความดันโลหิตบางชนิด, ยารักษาโรคหัวใจกลุ่ม Beta adrenergic blocking agent, ยาต้านมาลาเรีย (Anti-malarial), ยาแก้ปวดอินโดเมธาซิน (Indomethacin), ยาต้านเอซ, ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์, ยาไอโอไดด์, ยาเม็ดคุมกำเนิด, ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานและชนิดฉีด รวมไปถึงยาจีน ยาหม้อ ยาไทย ยาสมุนไพรต่าง ๆ ที่ใช้ทาหรือรับประทาน เป็นต้น
  • การหยุดยากินสเตียรอยด์ สเตียรอยด์ที่เคยใช้ได้ผลอยู่ก่อนก็อาจทำให้อาการของโรคกำเริบขึ้นมาได้
  • การติดเชื้อต่าง ๆ โรคติดเชื้อที่คอ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ โรคติดเชื้อที่ผิวหนัง โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ รวมทั้งการติดเชื้อเอชไอวี
  • การระคายเคืองจากดีเทอร์เจน ผงซักฟอก สบู่ ครีมที่มีกรดเป็นส่วนผสม เช่น ครีมลอกหน้า ครีมขัดผิว
  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในระยะมีประจำเดือน/หมดประจำเดือน ระยะการตั้งครรภ์หรือช่วงหลังคลอด
พฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์จัด การเล่นการพนัน การเล่นกีฬาอย่างหักโหม
เงื่อนไขอื่นๆ

อาการของโรคสะเก็ดเงิน

อาการของโรคนี้มีหลายรูปแบบ ที่พบได้บ่อยคือ การเกิดผื่นเป็นปื้นผิดปกติบนผิวหนัง อาจเกิดเพียงจุดเดียวหรือหลายจุดพร้อม ๆ กันทั่วตัวก็ได้ โดยทั่วไปรอยโรคจะมีลักษณะเป็นปื้นหนา แห้ง แดง คัน และตกสะเก็ดเป็นสีเงิน เมื่อเกิดที่แขนหรือขาก็มักจะเกิดพร้อมกันทั้งข้างซ้ายและข้างขวา ซึ่งถ้าเป็นมากผู้ป่วยอาจมีเลือดออกในปื้นนี้ได้ และ/หรือลุกลามเข้าไปในเล็บ หรือมีการอักเสบของข้อต่าง ๆ ร่วมด้วย

 

<iframe allow="conversion-measurement 'src'" allowfullscreen="allowfullscreen" frameborder="0" height="250" id="aswift_3" marginheight="0" marginwidth="0" name="aswift_3" scrolling="no" src="https://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-6248435555784046&output=html&h=250&slotname=5110664611&adk=2154433730&adf=2200860061&pi=t.ma~as.5110664611&w=300&lmt=1621493501&psa=1&format=300x250&url=https%3A%2F%2Fmedthai.com%2F%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%2F&flash=0&wgl=1&adsid=ChAI8O6ShQYQjMG7m56S7s1BEkgAH4kd7ExFt6AwSACh-DmptwigwqoeRkxZPjeZHBUgg7X6yCLkIC2eSNy-8bLMkRihxuGAqWl0tePyLQfofDB_GfyrU5wAi80&uach=WyJXaW5kb3dzIiwiMTAuMCIsIng4NiIsIiIsIjkwLjAuNDQzMC4yMTIiLFtdXQ..&dt=1621493493476&bpp=1&bdt=866&idt=142&shv=r20210517&cbv=%2Fr20190131&ptt=9&saldr=aa&abxe=1&cookie=ID%3D8fd3a366d403d505-22d669d3c7c800f1%3AT%3D1621493504%3ART%3D1621493504%3AS%3DALNI_MYBN1kKiKldUMtDl0F16LbQuAgRWQ&prev_fmts=0x0%2C170x638%2C300x250%2C1519x722&nras=2&correlator=2027314869018&frm=20&pv=1&ga_vid=1096785844.1608611294&ga_sid=1621493494&ga_hid=1094908516&ga_fc=0&u_tz=420&u_his=1&u_java=0&u_h=864&u_w=1536&u_ah=824&u_aw=1536&u_cd=24&u_nplug=3&u_nmime=4&adx=742&ady=3106&biw=1519&bih=722&scr_x=0&scr_y=224&eid=44743203%2C44743003&oid=3&pvsid=2258532459636340&pem=627&ref=https%3A%2F%2Fth.search.yahoo.com%2F&eae=0&fc=1920&brdim=0%2C0%2C0%2C0%2C1536%2C0%2C1536%2C824%2C1536%2C722&vis=1&rsz=%7C%7CeEbr%7C&abl=CS&pfx=0&fu=0&bc=31&ifi=4&uci=a!4&btvi=2&fsb=1&xpc=6TzDK7Zm2l&p=https%3A//medthai.com&dtd=7896" style="box-sizing: inherit; max-width: 100%; left: 0px; position: absolute; top: 0px; border-width: 0px; border-style: initial; width: 300px; height: 250px;" width="300" data-google-container-id="a!4" data-google-query-id="CPXFtobW1_ACFVAqtwAdDKEAxQ" data-load-complete="true"></iframe>

 

อาการแสดงของโรคนี้มีหลายชนิด ซึ่งผู้ป่วยอาจเป็นเพียงชนิดใดชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดร่วมกันก็ได้ ดังนี้

  • โรคสะเก็ดเงินชนิดปื้นหนา (Plaque psoriasis) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด อาการตอนเริ่มกำเริบใหม่ ๆ รอยโรคจะขึ้นเป็นตุ่มแดง มีขอบเขตชัดเจน และมีขุยสีขาว (สีเงิน) อยู่ที่ผิว ต่อมารอยโรคจะค่อย ๆ ขยายออกจนกลายเป็นปื้นใหญ่และหนา และขุยสีขาวที่ผิวจะหนาตัวขึ้นจนเห็นเป็นเกล็ดสีเงิน ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงเรียกโรคนี้ว่า "โรคเกล็ดเงิน" หรือ "สะเก็ดเงิน" ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีรอยโรคลักษณะดังกล่าวเป็นปื้นหนา ๆ ขึ้น ๆ ยุบ ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่หายขาด ถ้าขูดเอาเกล็ดออกจะมีรอยเลือดออกซิบ ๆ และเกล็ดที่ว่านี้มักจะร่วงอยู่ตามเก้าอี้หรือที่นอน หรือร่วงเวลาถอดเสื้อหรือเดินไปไหนมาไหน ความผิดปกติดังกล่าวอาจเกิดขึ้นที่ผิวหนังส่วนใดก็ได้ แต่มักจะพบที่หนังศีรษะและผิวหนังส่วนที่เป็นปุ่มนูนของกระดูก ที่พบได้บ่อย ๆ คือ ข้อศอก ข้อเข่า และอาจพบขึ้นที่บริเวณก้นกบ หน้าแข้ง ซึ่งรอยโรคจะมีขนาดต่างกันไป อาจขึ้นเพียงไม่กี่ที่หรือขึ้นกระจายทั่วไปก็ได้ นอกจากนี้รอยโรคลักษณะดังกล่าวยังชอบขึ้นตามผิวหนังที่เคยได้รับบาดเจ็บหรือชอกช้ำอีกได้ เช่น รอยบาดแผล รอยขีดข่วน เป็นต้น ในบางรายอาจมีรอยโรคภายในเยื่อบุช่องปากหรือบริเวณอวัยวะเพศก็ได้ นอกจากนี้รอยโรคดังกล่าวยังอาจก่อให้เกิดอาการคันหรือเจ็บ และอาจดูคล้ายอาการของโรคกลาก ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้
  • โรคสะเก็ดเงินชนิดตุ่มเล็ก (Guttate psoriasis) รอยโรคจะมีลักษณะเป็นตุ่มหรือผื่นแดงขนาดเล็ก ๆ ที่มีรูปร่างคล้ายหยดน้ำ ขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร และมีขุยหรือเกล็ดเงินเล็ก ๆ ปกคลุม มักขึ้นตามลำตัว แขน ขา หนังศีรษะ (รอยโรคอาจดูคล้ายผื่นกุหลาบ ซิฟิลิส ผื่นแพ้ยา) โรคสะเก็ดเงินชนิดนี้มักพบในคนอายุต่ำกว่า 30 ปี และมักเกิดอาการขึ้นครั้งแรกหลังจากเป็นคออักเสบจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัส ผู้ป่วยอาจเกิดอาการเพียงครั้งเดียวแล้วหายขาดไปเลย หรืออาจกำเริบซ้ำ ๆ โดยเฉพาะเวลามีการติดเชื้อของทางเดินหายใจ
  • โรคสะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนอง (Pustular psoriasis) เป็นชนิดที่พบได้น้อย รอยโรคมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำขุ่นแบบตุ่มหนอง โดยไม่มีการติดเชื้อ (Sterile pustule) อาจเกิดขึ้นเฉพาะที่ เช่น ฝ่ามือฝ่าเท้า ปลายนิ้วมือนิ้วเท้า หรืออาจขึ้นกระจายไปทั่วตัว (รอยโรคอาจดูคล้ายผิวหนังอักเสบที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนพุพอง) ในระยะแรกเริ่มรอยโรคจะขึ้นเป็นผื่นแดงเจ็บก่อน หลังจากนั้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะพุขึ้นเป็นหนอง แล้วหายไปเองภายใน 1-2 วัน แต่อาการอาจกำเริบซ้ำเป็นวงจร (ผื่นแดง > ตุ่มหนอง > ตกสะเก็ด) ได้ทุก ๆ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์ และผู้ป่วยอาจมีอาการคันมาก มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย น้ำหนักลดร่วมด้วย
  • โรคสะเก็ดเงินชนิดแดงและเป็นเกล็ดทั่วตัว (Erythrodermic psoriasis) เป็นชนิดที่พบได้น้อยที่สุด ผู้ป่วยอาจเป็นโรคสะเก็ดเงินชนิดปื้นหนามาก่อน แต่ควบคุมอาการได้ไม่ดี โดยรอยโรคจะมีลักษณะเป็นผื่นแดงและมีเกล็ด คัน ปวดแสบปวดร้อน ขึ้นกระจายทั่วตัว อาการมักกำเริบเวลามีความเครียด เกิดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ติดเชื้อ หรือแพ้ยา หรือหยุดกินยาสเตียรอยด์ที่เคยกินอยู่เป็นประจำ ผู้ป่วยอาจมีภาวะแทรกซ้อนแบบบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก เช่น ภาวะขาดน้ำ การติดเชื้อ เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้
  • โรคสะเก็ดเงินชนิดรอยพับ (Flexural psoriasis หรือ Inverse Psoriasis) รอยโรคจะมีลักษณะเป็นรอยแดง ผิวราบเรียบ มีขอบเขตชัดเจน และไม่มีเกล็ดเงิน มักพบขึ้นบริเวณรักแร้ ขาหนีบ ใต้นม ข้อพับต่าง ๆ และรอบ ๆ อวัยวะเพศ (รอยโรคอาจดูคล้ายโรคสังคัง โรคเชื้อราแคนดิดา) โรคสะเก็ดเงินชนิดนี้มักพบในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน อาการจะกำเริบมากขึ้นเมื่อมีเหงื่อออกหรือมีการเสียดสี
  • โรคสะเก็ดเงินบริเวณมือเท้า (Palmoplantar psoriasis) เป็นโรคสะเก็ดเงินที่ขึ้นบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และผื่นอาจพบลามขึ้นมาบริเวณหลังมือหรือหลังเท้าได้
  • โรคสะเก็ดเงินชนิดเกิดที่หนังศีรษะ (Scalp psoriasis) เป็นกรณีที่พบได้ประมาณ 50% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน โดยอาจมีอาการเกิดขึ้นก่อนมีผื่นตามตัว ซึ่งรอยโรคจะมีลักษณะเป็นผื่นแดงหนา มีขอบเขตชัดเจน มีเกล็ดเงินขึ้นตามแนวไรผม และบางครั้งอาจลามมาที่หน้าผาก ผู้ป่วยมักไม่มีอาการผมร่วง แต่อาจจะมีอาการคัน เวลาเกาหนังศีรษะอาจมีเกล็ดหนังร่วงเกาะตามผมและไหล่ ลักษณะคล้ายกับรังแค โรคกลากที่ศีรษะ
  • โรคสะเก็ดเงินชนิดเกิดที่เล็บ (Nail psoriasis) สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่เล็บมือและเล็บเท้า ความผิดปกติที่เล็บมือพบได้ถึง 50% เล็บเท้าพบได้ประมาณ 35% มีอาการแสดงได้หลายลักษณะ เช่น มีจุดสีน้ำตาลใต้เล็บ เล็บขรุขระ เล็บเป็นหลุม เล็บแยกตัวออกจากเนื้อใต้เล็บ (Onycholysis) ผิวใต้เล็บหนา (Subungual keratosis) มักเกิดร่วมกับเนื้อเยื่อของเล็บอักเสบ (Paronychia) ในรายที่เป็นรุนแรงเนื้อเล็บจะเปื่อยยุ่ย ถูกทำลาย และบางครั้งผู้ป่วยอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราร่วมด้วย จึงอาจทำให้เข้าใจว่าเป็นโรคกลากที่เล็บ หรือโรคเชื้อราแคนดิดาที่เล็บ
  • ข้ออักเสบจากโรคสะเก็ดเงิน (Psoriatic arthritis) เป็นกรณีที่พบได้ประมาณ 5-15% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน ส่วนมากจะพบร่วมกับรอยโรคที่ผิวหนังเรื้อรัง ส่วนน้อยอาจมีอาการข้ออักเสบนำมาก่อนอาการที่ผิวหนัง โดยมักพบที่ข้อนิ้วมือนิ้วเท้ามีลักษณะปวด บวม และข้อแข็ง คล้ายโรคปวดข้อรูมาตอยด์ หากเป็นเรื้อรังจะทำให้เกิดการผิดรูปได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีการอักเสบของข้อเข่า สะโพก และข้อกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจเป็นเพียงข้อเดียวหรือหลายข้อพร้อมกันก็ได้ และอาการข้ออักเสบอาจค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนข้อพิการในที่สุดก็เป็นได้

ภาวะแทรกซ้อนของโรคสะเก็ดเงิน

  • ส่วนใหญ่โรคนี้มักไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง แต่เนื่องจากรอยโรคที่เป็นแบบเรื้อรังและดูน่าเกลียด จึงอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดความเครียด วิตกกังวล เกิดอาการซึมเศร้า สูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง และกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและการออกสังคมได้
  • ในรายที่มีอาการคันมาก อาจเกาจนมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
  • ในรายที่เป็นรุนแรง เช่น เป็นโรคสะเก็ดเงินชนิดตุ่มหนองที่ขึ้นกระจายไปทั่วตัว หรือสะเก็ดเงินชนิดแดงและเป็นเกล็ดทั่วตัว อาจทำให้เกิดภาวะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ และเกิดการติดเชื้อรุนแรงได้
  • ในรายที่เป็นที่เล็บ อาจทำให้เล็บพิการ
  • ในรายที่เป็นข้ออักเสบ อาจทำให้ข้อพิการ
  • อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคมะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมา (Non melanoma skin cancer)

การวินิจฉัยโรคสะเก็ดเงิน

แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้จากประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการใช้ยาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ประวัติในครอบครัว การตรวจร่างกาย ตรวจความผิดปกติของผิวหนัง ส่วนในรายที่มีอาการไม่ชัดเจน อาจต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) โดยการตัดเนื้อเยื่อผิวหนังส่งพิสูจน์ และอาจมีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

Tags

วิธีการชำระเงิน

การชำระเงินค่าสินค้า มี 2 แบบนะคะคุณลูกค้า

1. โอนเข้าบัญชีธนาคารที่แจ้งเลขบัญชีไว้ 
2. ถ้าต้องการใช้บริการ COD เก็บเงินปลายทาง ให้คุณลูกค้าโทรแจ้งที่เบอร์นี้ได้เลยค่ะ โทร. 0652636614 , 0955156354
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขา0134 สะสมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านPeekaishop
Peekaishop
ศูนย์จัดจำหน่ายอาหารเสริมและเครื่องสำอาง Pollitin เป็นสารสกัดธรรมชาติคุณภาพสูง จากอณูละอองเกสรดอกไม้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น NUTRACEUTICAL หรือสารอาหารบำบัด Pollitin มีการจำหน่ายไปกว่า 50 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก ยาวนานกว่า 50 ปี ขั้นตอนการผลิต เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก ได้รับค่า มาตรฐานเฉพาะผลิตภัณฑ์ระดับโลก คือ ORAC หรือ ค่าระดับความเข้มข้นของสารต้านอนุมูลอิสระ และค่า CAP-e Test หรือ ค่าความสามารถในการดูดซึมเข้าสู่เม็ดเลือดแดง ที่สูงมาก ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีอยู่เกือบ 100% Pollitin ต้านอนุมูลอิสระ, เอนไซม์, กรดไขมันอิ่มตัว, สารที่เป็นตัวตั้งต้นในการสังเคราะห์โปรสตาแกรนติน ดังนั้น ละอองเกสรจึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับใช้เพื่อประโยชน์ในการทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์, มีฤทธิ์บรรเทาอาการอ่อนเพลีย, ช่วยลดอาการซึมเศร้า, ทำให้ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารถูกแก้ไขให้ดีขึ้น, มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิด, มีคุณสมบัติในการป้องกันและต่อต้านมะเร็งบางชนิด และมีผลเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย บริษัท Graminex จึงได้ศึกษาวิจัยและคิดค้นวิธีการผลิต ผลิตภัณฑ์ละอองเกสรดอกไม้ โดยเริ่มจาการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์พืชไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง และสารกำจัดวัชพืช และขั้นตอนสุดท้ายทำการเก็บเกี่ยวละอองเกสรดอกไม้ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย แล้วทำการสกัดละอองเกสรโดยกระบวการที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ และกรองโดยวิธีเทคนิค ทำให้ปราศจากเชื้อ เพื่อกำจัดสารปนเปื้อน และกำจัดสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ และควบคุมคุณภาพด้วยการวิเคราะห์ความเข้มสารออกฤทธิ์, ขบวนการผลิต, ความคงตัวของผลิตภัณฑ์เพื่อกำหนดว้นหมดอายุของผลิตภัณฑ์, ควบคุมคุณภาพคุณสมบัติทางกายภาพ และคุณสมบัติทางเคมี ตลอดจนการประเมินผลระบบการบรรจุและภาชนะบรรจุภัณฑ์ ซึ่งขั้นตอนการผลิตทั้งหมดได้ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9002 และโรงงาน Graminex ได้ผ่านการรับรองขบวนการผลิตตามมาตรฐานสากล GMP รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นเภสัชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Pollitin ยังได้รับรางวัล E-Award สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารส่งออกดีเยี่ยมของมลรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา สารสกัดเกสรดอกไม้ G63 สารสกัดจากเกสรดอกไม้ ST6 มีค่า ORAC ในระดับที่สูงมากเกินกว่าที่พบในเกสรผึ้งและผักและผลไม้หลายชนิด สารสกัดจากเกสรดอกไม้ G63 ประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นมากกว่า 39 ชนิดที่ร่างกายต้องการในการต้านทานและขจัดสารพิษต่างๆ และอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย เกสรดอกไม้ G63 เก็บเกี่ยวโดยตรงจากพืชพันธุ์เฉพาะและนำมาผ่านกระบวนการทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งช่วยขจัดสารปนเปื้อนและสิ่งเจือปนต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากกระบวนการของเกสรผึ้ง นอกจากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว สารสกัดจากเกสรดอกไม้ G63 ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพโดยช่วยเพิ่มพลังงาน ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ได้แก่ กรดอะมิโนที่จำเป็น กรดไขมันไม่อิ่มตัว และเอนไซม์ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุ และจุลธาตุต่างๆ จากอาหารที่บริโภคเข้าไปในแต่ละวันช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน การเผาผลาญไขมัน ระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และการทำงานของต่อมลูกหมาก สารสกัดจากเกสรข้าวไรย์ประกอบด้วยสารสกัดจากเกสรจากพันธุ์ข้าวไรย์ที่คัดสรรเฉพาะในทุ่งนาที่อุดมสมบูรณ์และมีสัดส่วนการสกัดที่เป็นมาตรฐาน เกสรที่ประกอบด้วยเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้จำเป็นต่อการสืบพันธุ์ของพืช โดยเกสรดอกไม้ถือเป็นอาหารของผึ้ง และเป็นอาหารเสริมที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่งเป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว โดยงานวิจัยส่วนใหญ่ชี้ว่าเกสรดอกไม้เป็นแหล่งอาหารที่มีความหลากหลายและน่าทึ่งที่สุดอีกทั้งยังมีคุณประโยชน์อันโดดเด่น สารสกัดจากเกสรดอกไม้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและจิตใจ กระตุ้นการทำงานของกลไกต้านทานโรคต่างๆ ของร่างกาย และมีฤทธิ์เป็นยาบำรุง สารสกัดดังกล่าวยังกระตุ้นการทำงานของร่างกายโดยปรับร่างกายให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ทำให้ร่างกายและจิตใจมีการตอบสนองต่อปฏิกิริยาต่างๆ และจัดการสถานการณ์เฉพาะหน้าต่างๆ ได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานที่ชี้ว่า สารสกัดจากเกสรดอกไม้มีสรรพคุณด้านการบำบัดโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการนำมาใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสและแบคทีเรีย กล่าวโดยสรุปคือสารสกัดจากเกสรดอกไม้มีสรรพคุณดังนี้ - มีฤทธิ์เป็นยาบำรุงสำหรับทุกเพศทุกวัย - เพิ่มความต้านทานการติดเชื้อของร่างกาย - มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ - ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วจากไข้หวัดใหญ่ โรคต่างๆ ในเด็ก ต่อมลูกหมากอักเสบ และโรคหนองในเทียม - ยับยั้งผลกระทบจากสารพิษสเตรปโคคอคคัส - กระตุ้นการรักษาอาการแผลบาดเจ็บและกระดูกหัก - ลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีและโคบอลต์ - บรรเทาอาการปวดและช่วยการเคลื่อนไหวในรายที่ป่วยเป็นโรคข้อเสื่อม - บรรเทาอาการที่ไม่พึงประสงค์ในวัยหมดประจำเดือน - กระตุ้นความอยากอาหารและลดความอ่อนเพลียในเด็ก - เพิ่มความแข็งแรง ประสิทธิภาพด้านจิตใจ และสมาธิในผู้สูงอายุ - บรรเทาความอ่อนเพลียและเพิ่มความอยากอาหารในผู้สูงอายุ • เพิ่มความต้องการทางเพศในผู้สูงอายุ สารสกัดเกสรดอกไม้ Graminex ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ปราศจากกลูเต็น เปลือกหุ้มด้านนอกของเกสรดอกไม้มีผิวด้านนอกที่ช่วยปกป้องแร่ธาตุที่มีสารอาหารจำเป็นต่างๆ ที่ประกอบอยู่ในเกสรดอกไม้ ส่วนของผิวด้านนอกที่มีสารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ เส้นขน เชื้อรา ยีตส์ ราอื่นๆ ละอองเรณูมีรูขนาดเล็กมากที่เมื่อแตกออกจะช่วยแยกเปลือกหุ้มด้านนอกที่มีสารก่อภูมิแพ้กับสารอาหารที่จำเป็นภายในออกจากกัน จึงทำให้เหลือเพียงสารอาหารที่มีประโยชน์ที่อยู่ภายในเกสรด้านในซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย Graminex ใช้กรรมวิธีการผลิตพิเศษเพื่อทำให้รูขนาดเล็กเหล่านี้แตกออกด้วยกระบวนการสกัดเฉพาะซึ่งไม่ใช้ตัวทำละลาย ละอองเรณูที่แตกออกนั้นจะถูกนำมาปั่นเพื่อแยกส่วนประกอบที่มีประโยชน์ทางโภชนาการออกจากสารก่อภูมิแพ้ จากนั้นจะมีการสกัดสารอาหารในเกสรดอกไม้ตามคุณประโยชน์ด้านโภชนาการ ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปรีไซเคิลและใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ กระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระที่พบในอาหาร แร่ธาตุ และพืชต่างๆ จะระบุได้จากการทดสอบค่า Oxygen Radical Absorbance Capacity หรือค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหาร ซึ่งจะช่วยให้คุณทราบถึงค่า ORAC ของสารอาหารต่างๆ เกสรข้าวไรย์ - อาหารธรรมชาติที่อุดมไปด้วยคุณค่า ละอองเกสรดอกไม้ซึ่งทำหน้าที่สืบพันธุ์หรือเป็นตัวนำเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ไปสู่เกสรเพศเมียถือเป็นต้นกำเนิดแห่งชีวิตที่หล่อเลี้ยงสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ เพื่อให้กระบวนการทำงานที่สำคัญทั้งหลายเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ ธรรมชาติจึงได้เนรมิตสารประกอบที่มีคุณค่าทางโภชนาการในสัดส่วนที่เหมาะสมภายในเรณูของเกสรดอกไม้ เกสรข้าวไรย์พร้อมสารสกัดเกสรดอกไม้เข้มข้น Graminex สารสกัดจากเกสรดอกไม้เป็นความก้าวหน้าด้านโภชนาการอันยิ่งใหญ่ที่สามารถปฏิวัติแนวทางการบำรุงสุขภาพและความสมบูรณ์แข็งแรงของร่ายกายโดยมีผลวิจัยที่ดำเนินต่อเนื่องกว่า 50 ปีและการศึกษาทางคลินิกกว่า 100 ชิ้นรองรับ แพทย์ในประเทศต่างๆ รวมถึงเยอรมนี รัสเซีย และอาร์เจนติน่าได้ใช้สารสกัดจากเกสรดอกไม้ในการเสริมสร้างโภชนาการในผู้ป่วยที่มีปัญหาต่อมลูกหมากหรือกระทั่งเสริมสร้างสมรรถภาพของต่อมลูกหมาก! เกสรข้าวไรย์อาจเป็นสุดยอดวิตามินรวมตามธรรมชาติเพราะประกอบด้วย วิตามิน โปรวิตามินเอ (แคโรทีนอยด์) บี1 ไทอามีน, บี2 ไรโบฟลาวิน, ไนอาซิน, บี6 ไพริด็อกซิน, กรดแพนโทเทนิก, ไบโอติน, บี12 (ไซยาโนโคบาลามิน), กรดโฟลิค, โคลีน, อิโนซิทอล, วิตามินซี, วิตามินดี, วิตามินอี, วิตามินเค, รูทิน กรดไขมัน กรดคาไพรลิก (C-8), คาพริก (C-10), ลอริก (C-12), ไมริสติก (C-14), ไมริสเลอิก (C-14), เพนทาเดคาโนอิก (C-15), ปาลมิติก (C-16), ปาลมิโตเลอิก (C-16), เฮพตาเดคาโนอิก (C-17), สเตียริก (C-18), โอเลอิก (C-18), ไลโนเลอิก (C-18), ไลโนเลนิก (C-18), อะราชิดิก (C-20), อีโคซีโนอิก (C-20), อีโคซาดิเอโนอิก (C-20), อีโคซาทริเอโนอิก (C-20), อะราชิโดนิก (C-20) แร่ธาตุ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซัลเฟอร์ส โซเดียม คลอรีน แมกนีเซียม เหล็ก แมงกานีส ทองแดง ไอโอดีน สังกะสี ซิลิคอน โครเมียม โมลิบดินัม โบรอน ไทเทเนียม โพลาร์ลิพิด เลซิติน, ไลโซเลซิติน, ฟอสโฟอิโนซิตอล, ฟอสฟาติดิลโคลีน นิวทรัลลิพิด โมโนกลีเซอไรด์ส, ไดกลีเซอไรด์ส, ไตรกลีเซอไรด์ส, กรดไขมันอิสระ, สเตอรอล, ไฮโดรคาร์บอน ไฟโตสเตอรอล ฟิวโคสเทอรอล, เบตา-ไซโตสเตอรอล, สติกมาสเตอรอล, คอเลสเตอรอล, แคมเปอสเตอรอล, เอสโทรน กรดอะมิโน อะลานีน, กรดอัลฟา-อะมิโนบิวทิริก, อาร์จินีน, แอสพาราจีน, กรดแอสพาร์ติก, ซิสเตอีน, ซิสตีน, กรดกลูตามิก, กลูตามีน, กลีเซอรีน, ฮิสติดีน, ไฮดรอกซีโพรลีน, ไอโซลิวซีน, ลิวซีน, ไลซีน, เมไทโอนีน, ฟีนิลอะลานิน, โพรลีน, ซีรีน, ทอรีน, ทรีโอนีน, ทริพโตเฟน, ไทโรซีน, วาลีน ฟลาโวนอยด์ เควอซิทิน, ดีไฮโดรเควอซิทิน, นารินเจนีน, กรดพี-คูมาริก, อะพิเจนีน, ไอซอร์แฮมเนทิน, ไมริกซิทิน, คาเอ็มเฟรอล, ดีไฮโดรคาเอ็มเฟรอล, ลูเทโอลีน เกสรข้าวไรย์ส่งเสริมโภชนาการให้กับการทำงานต่างๆ ของร่ายกาย ซึ่งรวมถึงการทำงานของระบบขับถ่ายปัสสาวะและต่อมลูกหมาก ระบบภูมิคุ้มกันและผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนหรือมีประจำเดือน เกสรข้าวไรย์ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ "ที่ช่วยชะลอวัยได้เป็นอย่างดี" และส่งพลังงานตามธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูร่างกายด้วย เกสรข้าวไรย์ใช้เทคโนโลยีของสวิตเซอร์แลนด์เพื่อสีแกลบด้านนอกซึ่งประกอบด้วยสารก่อภูมิแพ้ สารพิษ เชื้อรา และมลพิษต่างๆ ออกไป ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเกสรข้าวไรย์นั้นเป็นเกสรตามธรรมชาติที่สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากสารเคมี! เกสรข้าวไรย์พร้อมสารสกัดเกสรดอกไม้เข้มข้น Graminex ไฮโปอัลเลอร์เจนิค สารสกัดเกสรดอกไม้ในระดับที่ได้ผลดีเช่นเดียวกับการศึกษาทางคลินิก สารสกัดตามมาตรฐาน (20:1) มีอัตราการดูดซึมสูง: ดูดซึมง่าย เทคโนโลยีการสกัดลิขสิทธิ์ของสวิตเซอร์แลนด์ การผลิตโดยไม่ใช้ตัวทำละลาย ปราศจากกลูเต็นและแลคโตส รับประกันความบริสุทธิ์ ผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP จาก NSF® เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมสีเขียวที่ยั่งยืน คุณประโยชน์ของเกสรข้าวไรย์ - ปกป้องความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ คงความสมดุลของน้ำในชั้นผิว - ลดผลกระทบจากการผลัดเซลล์ผิว ยับยั้งการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อที่เกี่ยวพันกัน - ฟื้นฟูสมดุลในชั้นผิว ฟื้นฟูและบำรุงเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ - มีคุณสมบัติในการชะลอวัย ปรับสภาพผิวให้เป็นปกติจากผลกระทบของปัจจัยในการเผาผลาญทางเคมี - ให้พลังงานที่จำเป็นต่อเซลล์ผิว - ปรับสมดุลของสารอาหารเพื่อให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งสดใส - ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อกระบวนการชะลอวัย - สารสกัดจากเกสรดอกไม้ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ - กระตุ้นความต้องการทางเพศทั้งในผู้ชายและผู้หญิง
เบอร์โทร : 0652636614
อีเมล : kaika5684@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม