รสชาติของผักบอกประโยชน์
สำนวนที่ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” หรือ “น้ำต้มผัก ยังหวาน” อาจไม่ได้หมายความว่าผักทุกชนิดจะมีรสชาติขม เพียงอย่างเดียวเสมอไป เพราะในความเป็นจริงแล้ว ผัก สามารถแบ่งแยกรสชาติได้หลายรสชาติด้วยกัน โดยแต่ละ รสชาติที่มีคุณค่าต่อร่างกายที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
- รสขม ช่วยบำรุงโลหิต แก้กระหาย บรรเทาอาการ ตัวร้อน แก้อักเสบ ขับพยาธิ บำรุงม้าม ทำให้เจริญอาหาร เป็นยาระบายได้ดี ผักพื้นบ้านที่มีรสขม อาทิ มะระ ซึ่งมีสาร ชื่อว่า โมโมดิซิน (Momodicine) ทำให้มะระมีรสขม นอกจาก นี้ผักอื่นๆ ที่มีรสขม เช่น สะเดา ใบบัวบก ขี้เหล็ก ฟักแฟง เพกา ยอดฟักทอง มะระ มะระขี้นก ผักขม ผักฮ้วนหมู เป็นต้น
- รสหวาน ช่วยบำรุงกำลัง ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้ กระเปร่า ไม่อ่อนล้า มีส่วนช่วยในกระบวนการดูดซึมสาร อาหารในร่างกาย บำรุงผิว ผักที่มีรสหวาน เช่น เห็ด ฟักทอง บวบเหลี่ยม บวบหอม บวบงู ยอดพร้าว ผักหวานป่า ผักหวานบ้าน ผักเหลียง กะหล่ำปลี ผักกาด มะเขือเครือ ฟักแม้ว ผักปลัง แตงกวา ดอกแค เห็ด หัวไชเท้า
- รสเปรี้ยว ช่วยขับเสมหะ บรรเทาอาการไอ กระหาย น้ำ เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้เจริญอาหาร มีฤทธิ์ฟอก เลือดได้ดี เช่น ตะลิงปลิง ยอดมะขามอ่อน มะนาว ใบชะมวง ยอดมะกอก ยอดผักติ้ว ใบติ้ว มะมุดหรือส้มมุด (ดิบ) ยอด แล้ว ส้มเสี้ยว มะขามอ่อน ยอดมะกอก เนื้อมะกอก ยอด ส้มป่อย ยอดมะขาม ยอดกระเจี๊ยบแดง ยอดชะมวง มะดัน มะเขือเทศ มะอึก
- รสหอมเย็น ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย ขับเสมหะ บรรเทาอาการไข้ตัวร้อน กระหายน้ำ บำรุงหัวใจ บรรเทาอาการ เวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ให้ความสดชื่นมีชีวิตชีวา เช่น ผักบุ้งไทย ใบเตยหอม สายบัว ดอกขจร เปลือกต้นอบเชย ผักกาด รากมะเดื่อหอม ดอกโสน
- รสเผ็ด ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง จุกเสียด ขับลม ขับเสมหะ ขับเหงื่อได้ดี โดยทั่วไปผักรสเผ็ดส่วนใหญ่จะมีกลิ่นฉุน ซึ่งเกิดจากน้ำมันหอม ระเหยที่เป็นองค์ประกอบหลักของผัก และยังมีประโยชน์ต่อ ร่างกายอีกด้วย
ตัวอย่างผักรสเผ็ด เช่น ใบกะเพรา โหระพา พริกขี้หนู พลูคาว พริกกระเหรี่ยง พริกชี้ฟ้า ยี่หร่า ผักชีลาว พริกไทย ขมิ้น ผักไผ่ กระชาย ชะพลู ผักคราดหัวแหวน หูเสือ สะระแหน่ ผักแขยง ใบยอ กระเทียม (ช่วยลดความดันโลหิต และขับพยาธิได้) ขิง (บรรเทาอาการคลื่นไส้ และช่วยขยาย หลอดเลือดได้) ตะไคร้ ช่วยลดความดันโลหิตได้ บรรเทา อาการปวดท้อง) พลูคาว ผักชีฝรั่ง ดอกกระเจียวแดง
- รสมัน ช่วยบำรุงเส้นเอ็น บรรเทาอาการเส้นเอ็น อักเสบ บำรุงไขข้อ บำรุงเยื่อกระดูก ตัวอย่างผักพื้นบ้าน ที่ มีรสมัน เช่น ดอกสะแล สะตอ กระพังโหม ผักกาดนกเขา ถั่วฝักยาว บัวบก เหรียง ขนุนอ่อน ฟักทอง กระถิน มันเทศ ยอดผักติ้ว ชะอม หัวปลี ผักกระเฉด ถั่วพู ฟักทอง รากบัว ยอดมันปู
- รสฝาด ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ท้องร่วง โรค บิด ท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยสมานแผลได้เป็นอย่างดี ตัวอย่าง ผักพื้นบ้านที่มีรสฝาด เช่น ยอดมะม่วงหิมพานต์ ผักเม็ก ขนุน อ่อน เนียงอ่อน ดอกกระโดน ยอดมันปู รสมันและฝาด) ใบ ชะพลู หัวปลี ยอดมะละกอ ยอดจิก ยอดมะม่วงหิมพานต์ะเดื่อ กระโดนน้ำ (รสชาติมันและฝาด) เป็นต้น มะเดอ
- รสจืด ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในกระเพาะ อาหาร ลดกรดในกระเพาะ ช่วยให้ระบบทางเดินอาหาร ทํางานเป็นปกติ ถอนพิษไข้ ตัวอย่างผักพื้นบ้านที่มีรสจืด เช่น ยอดตำลึง ใบตำลึง ผักกาดหอม ใบทองหลาง มะละกอดิบ กะหล่ำปลี ผักหวาน ผักเป็ดน้ำ สายบัว
- รสเค็ม บำรุงกระดูก ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ บรรเทา โรคเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น อาการระคายเคืองผิวหนัง ตัวอย่าง ผักพื้นบ้านที่มีรสเค็ม เช่น ใบกระชาย รากไผ่ ผักชะคราม เปลือกต้นมะเกลือ เผือก